3 มาตรการช่วยเหลือชาวนาปี 2568

3 มาตรการช่วยเหลือชาวนาปี 2568

กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอ 3 มาตรการเร่งด่วนช่วยชาวนาแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำในที่ประชุม นบข. 26 ก.พ. 2568 ครอบคลุมสินเชื่อชะลอการขาย การชดเชยดอกเบี้ย และการเปิดจุดรับซื้อ พร้อมสั่งพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศเร่งช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม

ชาวนาที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทยกำลังเผชิญความท้าทายด้านราคาที่ลดลง เนื่องจากปัจจัยหลายประการในตลาดโลกและปริมาณผลผลิตนาปีที่เพิ่มขึ้น ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ได้เร่งดำเนินการหาทางออกเพื่อช่วยเหลือชาวนาอย่างเร่งด่วน

สถานการณ์ราคาข้าวปี 2568 : ปัจจัยและผลกระทบ

ราคาข้าวในตลาดโลกได้รับผลกระทบอย่างมากจากการที่อินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาวอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวลดลง ประกอบกับปริมาณผลผลิตข้าวนาปีในประเทศไทยที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้ราคาข้าวเปลือกภายในประเทศได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เป็นประธานการประชุมร่วมกับพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตรสำคัญโดยเฉพาะข้าว และสั่งการให้พาณิชย์จังหวัดเร่งดำเนินมาตรการรองรับและช่วยเหลือเกษตรกร

มาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือชาวนาที่จะเสนอในที่ประชุม นบข.

คณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด เตรียมเสนอมาตรการเร่งด่วนต่อคณะกรรมการ นบข. ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568

 โดยมีมาตรการสำคัญ ได้แก่ :

1. มาตรการสินเชื่อชะลอ นาปรัง 2568

ปริมาณ: 1.5 ล้านตัน

วงเงิน: 1,219.13 ล้านบาท

ช่วยเหลือค่าฝากเก็บ: 1,500 บาทต่อตัน

เงื่อนไข: เก็บข้าว 1-5 เดือน แบ่งเป็น 2 กรณี

* กรณีเก็บในยุ้งเกษตรกร: เกษตรกรได้รับเงินเต็มจำนวน 1,500 บาทต่อตัน

* กรณีเก็บในสหกรณ์: สหกรณ์ได้รับ 500 บาทต่อตัน เกษตรกรได้รับ 1,000 บาทต่อตัน

2. มาตรการชดเชยดอกเบี้ย

ปริมาณ: 2 ล้านตัน

วงเงิน: 524.40 ล้านบาท

ช่วยอัตราดอกเบี้ยผู้ประกอบการ: 6%

เงื่อนไข: ผู้ประกอบการเก็บสต็อก 2-6 เดือน และรับซื้อราคาสูงกว่าตลาด 200 บาทต่อตันขึ้นไป

3. มาตรการเปิดจุดรับซื้อ

ปริมาณ: 3 แสนตัน

วงเงิน: 150 ล้านบาท

รัฐสนับสนุนค่าบริหารจัดการ: 500 บาทต่อตัน

เงื่อนไข: ผู้ประกอบการรับซื้อสูงกว่าตลาด 300 บาทต่อตันขึ้นไป

นอกจากมาตรการช่วยเหลือด้านราคาแล้ว นายพิชัยยังเน้นย้ำให้พาณิชย์จังหวัดกำกับดูแลการรับซื้อข้าวของผู้ประกอบการและโรงสีในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมต่อเกษตรกร รวมถึงการจำหน่ายปัจจัยการผลิตที่สำคัญ เช่น ปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืช ต้องเป็นไปตามกฎหมายและไม่ให้เกิดการเอาเปรียบเกษตรกร

หากพบว่าพื้นที่ใดประสบปัญหาราคาตกต่ำ พาณิชย์จังหวัดต้องรีบประสานกับกรมการค้าภายใน เพื่อหามาตรการกระจายผลผลิตออกนอกพื้นที่โดยเร็ว