โรคพิษสุนัขบ้า  ภัยร้ายหน้าร้อน อันตรายถึงชีวิต

โรคพิษสุนัขบ้า ภัยร้ายหน้าร้อน อันตรายถึงชีวิต

เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน อากาศที่ร้อนจัดมักส่งผลให้สัตว์เลี้ยงและสัตว์จรจัดมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้โรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคกลัวน้ำ แพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น โรคนี้เป็นอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

จันชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับโรคพิษสุนัขบ้าให้มากขึ้นเพื่อป้องกันตนเองและคนรอบข้างกันค่ะ

โรคพิษสุนัขบ้าคืออะไร?

โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่ส่งผลต่อระบบประสาทของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม รวมถึงมนุษย์ เชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคนี้คือ Rabies virus ซึ่งอยู่ในตระกูล Rhabdoviridae โดยเชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผลหรือเยื่อเมือกที่สัมผัสกับน้ำลายของสัตว์ที่ติดเชื้อ

สาเหตุของโรคพิษสุนัขบ้า

โรคนี้แพร่กระจายจากสัตว์สู่สัตว์ และจากสัตว์สู่คนเป็นหลัก โดยการติดเชื้อส่วนใหญ่มักเกิดจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อพิษสุนัขบ้ากัดหรือข่วน เชื้อสามารถพบได้ในสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขและแมว รวมถึงสัตว์ป่า เช่น ค้างคาว กระรอก และลิง

อาการของโรคพิษสุนัขบ้า

อาการของโรคพิษสุนัขบ้าสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่:

  1. ระยะเริ่มต้น – มีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ และรู้สึกชาที่บาดแผล
  2. ระยะรุนแรง – มีอาการกลัวน้ำ กลัวลม น้ำลายไหล ควบคุมกล้ามเนื้อไม่ได้ กระสับกระส่าย และอารมณ์แปรปรวน
  3. ระยะสุดท้าย – กล้ามเนื้ออัมพาต หมดสติ และเสียชีวิตภายในไม่กี่วันเนื่องจากระบบทางเดินหายใจล้มเหลว

วิธีป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

  • ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า ให้สัตว์เลี้ยงเป็นประจำทุกปี
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือเข้าใกล้สัตว์ที่ไม่ทราบประวัติการฉีดวัคซีน
  • ดูแลสัตว์เลี้ยงให้อยู่ในบริเวณที่ปลอดภัย และหลีกเลี่ยงไม่ให้ไปสัมผัสกับสัตว์จรจัด
  • หากต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ ควรฉีดวัคซีนป้องกันล่วงหน้า

โรคพิษสุนัขบ้าเกิดขึ้นกับใครได้บ้าง?

โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพหรือกิจกรรมที่ต้องสัมผัสกับสัตว์บ่อย ๆ เช่น เจ้าของสัตว์เลี้ยง สัตวแพทย์ เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ หรือบุคคลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า

หากถูกสัตว์กัดหรือเกิดบาดแผล ควรทำอย่างไร?

หากถูกสัตว์กัดหรือข่วน ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้ทันที:

  1. ล้างแผลทันที ด้วยน้ำสะอาดและสบู่เป็นเวลาอย่างน้อย 10-15 นาที เพื่อลดจำนวนเชื้อไวรัสที่อาจเข้าสู่ร่างกาย
  2. ใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีน หรือแอลกอฮอล์ 70%
  3. ไปพบแพทย์โดยด่วน เพื่อประเมินความเสี่ยงและรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า หากจำเป็น
  4. เฝ้าติดตามสัตว์ที่กัด หากเป็นสัตว์เลี้ยงให้สังเกตอาการอย่างน้อย 10 วัน หากสัตว์ตายหรือมีอาการผิดปกติ ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทันที

โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคร้ายแรงที่ไม่มีทางรักษาหากแสดงอาการแล้ว แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่มีความเสี่ยง หากเกิดบาดแผลจากสัตว์ ควรรีบล้างแผลและไปพบแพทย์โดยเร็วเพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนรอบข้าง อย่าลืมว่าการป้องกันย่อมดีกว่าการรักษาเสมอค่ะ!