
การเลี้ยงปลากัดเป็นอาชีพมีข้อดีหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีความสนใจในสัตว์น้ำและต้องการสร้างรายได้จากงานอดิเรกที่รัก แต่ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร จันมีคำแนะนำมาฝากค่ะ

ศึกษาพื้นฐานเกี่ยวกับปลากัด
ก่อนลงทุน ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับ สายพันธุ์ปลากัด ปัจจุบันสายพันธุ์ปลากัดที่นิยมเลี้ยงในไทยมีหลายชนิด โดยแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะเด่นที่แตกต่างกันไป ทั้งด้านสีสัน รูปร่าง และพฤติกรรมหลัก ๆ ที่นิยม ได้แก่
1. ปลากัดหม้อ (Traditional Betta)
📌 จุดเด่น:
- เป็นปลากัดสายพันธุ์ดั้งเดิมของไทย
- มีความอดทนสูง เลี้ยงง่าย และมีพฤติกรรมก้าวร้าว
- นิยมใช้ในการกัดปลากัดแข่งขัน
2. ปลากัดจีน (Halfmoon Betta)
📌 จุดเด่น:
- ครีบและหางแผ่กว้างถึง 180 องศา สวยงามมาก
- มีสีสันสดใส หลากหลาย
- เป็นปลากัดที่นิยมเลี้ยงเพื่อความสวยงามมากกว่าการกัด
3. ปลากัดฮาฟมูนพันธุ์ยักษ์ (Giant Halfmoon Betta)
📌 จุดเด่น:
- มีขนาดใหญ่กว่าปลากัดทั่วไป 2-3 เท่า (ยาวได้ถึง 10-12 ซม.)
- สีสันสวยงามและมีครีบหางที่กว้าง
- อึดและแข็งแรง แต่เลี้ยงดูต้องการพื้นที่กว้างขึ้น
4. ปลากัดหางมงกุฎ (Crowntail Betta)
📌 จุดเด่น:
- หางและครีบมีลักษณะเป็นแฉกคล้ายมงกุฎ
- ดูแปลกตาและมีเอกลักษณ์
- มีสีสันสดใส แต่ต้องการการดูแลเรื่องน้ำที่สะอาด
5. ปลากัดป่า (Wild Betta)
📌 จุดเด่น:
- เป็นปลากัดสายพันธุ์ธรรมชาติที่พบในแหล่งน้ำไทย
- มีสีสันไม่ฉูดฉาดเท่าปลากัดสวยงาม แต่มีเสน่ห์แบบดั้งเดิม
- แข็งแรง อดทน และสามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมธรรมชาติได้ดี
6. ปลากัดโค่ย (Koi Betta)
📌 จุดเด่น:
- มีสีลวดลายคล้ายปลาคาร์ปโค่ย คือมีสีแดง ขาว ดำ ผสมกัน
- เป็นปลากัดแฟนซีที่ได้รับความนิยมสูง
- สีสันเปลี่ยนแปลงได้ตามอายุของปลา
7. ปลากัดแฟนซี (Fancy Betta)
📌 จุดเด่น:
- มีการผสมข้ามสายพันธุ์จนได้สีสันที่สวยงามและแปลกใหม่
- มีทั้งแบบฮาฟมูน โค่ย และหางมงกุฎ
- เหมาะสำหรับการเลี้ยงเพื่อความสวยงาม

วางแผนสถานที่เลี้ยง
ควรเลือกสถานที่ที่มี แสงแดดอ่อน มีการระบายอากาศดี และสามารถควบคุมอุณหภูมิน้ำได้ พื้นที่สามารถเป็นฟาร์มกลางแจ้ง หรือภายในโรงเรือนที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการเพาะพันธุ์และเลี้ยงปลากัด
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
- ภาชนะเลี้ยงปลา เช่น ขวดโหล ตู้ปลา อ่างซีเมนต์ หรือบ่อพลาสติก
- ระบบน้ำ ต้องมีการกรองน้ำที่ดีและปรับสภาพน้ำให้เหมาะสม
- อาหารปลา เช่น ไรแดง หนอนแดง อาหารเม็ด และอาหารเสริมอื่นๆ
- อุปกรณ์เพาะพันธุ์ เช่น ถ้วยวางรังไข่ หลอดแก้วสำหรับแยกปลา และวัสดุซ่อนตัวของลูกปลา

วิธีการเพาะพันธุ์ปลากัด
- เลือกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่มีสุขภาพแข็งแรงและลักษณะตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์
- นำปลาเข้าคู่กันในภาชนะที่เหมาะสม โดยให้ตัวผู้สร้างรังฟอง
- เมื่อตัวเมียวางไข่แล้ว ให้แยกตัวเมียออก และให้ตัวผู้ดูแลไข่จนฟักเป็นลูกปลา
- เมื่อลูกปลาเริ่มว่ายน้ำได้เอง ให้แยกออกมาเลี้ยงในภาชนะที่ปลอดภัย
ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการทำฟาร์มปลากัด
รายการ | ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ |
ภาชนะเลี้ยง (ขวดโหล/อ่าง) | 1,000 – 5,000 บาท |
ระบบน้ำและกรองน้ำ | 3,000 – 10,000 บาท |
อาหารปลา | 1,000 – 3,000 บาท/เดือน |
พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ | 2,000 – 10,000 บาท (ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์) |
อุปกรณ์เสริม | 2,000 – 5,000 บาท |
ค่าจ้างแรงงาน (ถ้ามี) | ขึ้นอยู่กับขนาดฟาร์ม |

ข้อควรระวังในการเลี้ยงปลากัด
- คุณภาพน้ำ ต้องสะอาดและไม่มีสารปนเปื้อน
- โรคและปรสิต เช่น โรคจุดขาว โรคเชื้อรา ต้องหมั่นสังเกตและรักษาอย่างทันท่วงที
- การตลาดและช่องทางจำหน่าย ควรวางแผนการขาย เช่น ขายออนไลน์ ร้านค้าปลา หรือส่งออกไปต่างประเทศ
การทำฟาร์มปลากัดเป็นอาชีพที่ต้องใช้ ความรู้ ความอดทน และการวางแผน หากบริหารจัดการดี มีตลาดรองรับ ก็สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนได้ สำหรับผู้ที่สนใจควรเริ่มจากขนาดเล็ก ทดสอบตลาด และขยายกิจการเมื่อมีประสบการณ์เพียงพอ
ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ