กรมปศุสัตว์ เตรียมเปิดตลาดส่งออก ไก่พื้นเมืองมีชีวิต ไปอินโดนีเซีย

สุดยอด! กรมปศุสัตว์ เจรจาอินโดฯ สำเร็จ เตรียมเปิดตลาด ส่งออก ไก่พื้นเมืองมีชีวิต เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เดินทางไปเข้าพบและหารือกับ Dr.drh.Agung Suganda อธิบดีกรมปศุสัตว์และบริการสุขภาพสัตว์แห่งอินโดนีเซีย (DGLASH) ณ กระทรวงเกษตร กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ ในด้านอุตสาหกรรมการผลิตปศุสัตว์และด้านวิชาการในการควบคุมป้องกันโรคระบาดสัตว์ โดยมีนางสาวปุญชรัสมิ์ เหมือนสร้อย อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา นางสาวพามิลา สิริชัชนินทร์ เลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา และคณะเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ เข้าร่วมด้วย เมื่อวันที่ 27 – 28 กุมภาพันธ์ 2568

ในโอกาสนี้ นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้หยิบยกประเด็นความก้าวหน้าในการขอเปิดตลาดส่งออกไก่พื้นเมือง (Ayam Bangkok) มายังอินโดนีเซีย ซึ่งได้ข้อสรุปร่วมกันว่า อธิบดีกรมปศุสัตว์ และ DGLASH ให้ความเห็นชอบต่อร่างเอกสารรับรองสุขภาพสัตว์ (Veterinary Health Certificate; VHC) ตามที่ฝ่าย DGLASH เสนอมาเรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้อธิบดีกรมปศุสัตว์ จึงได้ส่งมอบเอกสารเห็นชอบต่อร่างฯ VHC ดังกล่าวให้อธิบดีกรมปศุสัตว์และบริการสุขภาพสัตว์แห่งอินโดนีเซียโดยตรง ในโอกาสที่มาเยือนในครั้งนี้ด้วย ซึ่งฝ่าย DGLASH มีความยินดีและจะรีบออกประกาศขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการส่งออกไก่พื้นเมืองของไทยโดยเร็วและหลังจากประกาศฯ แล้ว ประเทศไทยจะสามารถส่งออกไก่พื้นเมือง (Ayam Bangkok) ไปยังอินโดนีเซียได้ในทันที คาดว่าภายในเดือนเมษายนนี้ ไทยจะสามารถส่งออกไก่พื้นเมืองมีชีวิตไปยังอินโดนีเซียได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จ ตามนโยบายของ ศ.ดร. นฤมล ภิญโญสินวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เสริมสร้างโอกาสให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่พื้นเมืองของไทย ในการเพิ่มรายได้จากการเลี้ยงไก่พื้นเมืองและพัฒนาการเลี้ยงไก่พื้นเมืองของไทยให้เป็น soft power ที่จะสร้างรายได้และชื่อเสียงต่อประเทศไทยต่อไป ทั้งนี้ในช่วงปีแรกของการเริ่มต้นส่งออก คาดว่าจะมีปริมาณการส่งออกไก่พื้นเมืองมีชีวิตไปอินโดนีเซียปีละไม่ต่ำกว่าจำนวน 12,000 ตัว คิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาทต่อปี

​นอกจากนี้ DGLAHS ยังได้แสดงความสนใจในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับความร่วมมือด้านแนวทางการจัดทำพื้นที่เขตปลอดโรค (Compartmentalization) โดยเฉพาะโรคปากและเท้าเปื่อย (Foot and Mouth disease) รวมถึงความรู้ทางวิชาการด้านการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ ซึ่งอินโดนีเซียให้ความสนใจเป็นอย่างมากและต้องการเรียนรู้จากประสบการณ์ของไทย โดยอินโดนีเซียยังมีความต้องการสินค้ากลุ่มโคเนื้อและโคนมอีกมาก และยินดีต้อนรับกลุ่มนักลงทุนไทยที่สนใจในเรื่องนี้

ข้อมูลในปี 2567 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ไปยังอินโดนีเซียมูลค่า 4,600 ล้านบาท โดยสินค้าหลักที่ส่งออกได้แก่ อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และการเข้าพบหารือกับ DGLASH ของอธิบดีกรมปศุสัตว์ในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดี อีกทั้งสร้างโอกาสในการขยายตลาดสินค้าปศุสัตว์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพและมาตรฐานจากประเทศไทยสู่ประเทศอินโดนีเซียอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป