
เงินทองเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการใช้ชีวิต จะทำอะไรก็ต้องใช้เงิน ตั้งใจทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ยังรู้สึกว่าทำไมเงินยังไม่พอใช้ หลายคนจึงต้องทำอาชีพเสริมหลังเลิกงานหรือทำช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ อาชีพอิสระก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจที่สร้างรายได้ให้ใครหลายคนได้อย่างมหาศาลจนกลายเป็นงานหลัก
ส.อ.ท.เบรกรัฐบาลใหม่ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450-600 บาทขณะที่ กระทรวงแรงงาน จัดอบรมพัฒนาและส่งเสริมอาชีพผู้ประกอบการร้านสตรีทฟู้ด หวังยกระดับการขายอาหารยุคใหม่ผ่านตลาดดิจิทัล สร้างอาชีพเพิ่มรายได้ ลดอัตราคนว่างงานทั่วประเทศ เพิ่มผู้ประกอบการทั้งรายใหม่และพัฒนารายเดิม ชูจุดเด่นซอฟท์พาวเวอร์ด้านอาหาร ดึงดูดนักท่องเที่ยว
โดย นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงาน เปิดโครงการพัฒนาส่งเสริมอาชีพผู้ประกอบการร้านสตรีทฟู้ด (Street Food) ของกระทรวงแรงงาน ที่อาคารวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ โดยปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า สตรีทฟู้ดเป็นเสน่ห์ หรือซอฟท์พาวเวอร์ของไทย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศอย่างมาก
คาดหวังอย่างยิ่งว่าจะสามารถกระจายตามทุกจังหวัดเกิดขึ้น มากกว่าเป็นร้านตามถนนต่างๆ ตลาดชุมชน เป็นสตรีทฟู้ดประจำตำบลประจำอำเภอได้ พร้อมผลักดันให้โครงการดังกล่าวเป็นงบกลาง งบปกติในการพัฒนาอาชีพให้กับแรงงานในทุกปีเพื่อส่งเสริมและพัฒนาฝีมือแรงงานทั้งระบบให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

โดยมี นางสาวสินีนาฎ คำวงศ์ปิน ประธานการดำเนินโครงการ และ ดร.วศิน ศรีสวัสดิ์ ชี้แจงวัตถุประสงค์ในการจัดทำหลักสูตรฝึกอบรม เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการประกอบอาชีพธุรกิจสตรีทฟู้ดให้แก่ตัวแทนหน่วยงานในกระทรวงแรงงานในครั้งนี้ ได้พัฒนาทักษะให้แก่ผู้ว่างงาน ผู้ถูกเลิกจ้าง และผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และผู้ประกอบการร้านสตรีทฟู้ด
รวมถึงขยายโอกาสการสร้างรายได้เพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการร้านสตรีทฟู้ด และเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายนำไปสู่การขยายผลการดำเนินโครงการ และต่อยอดนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบของกระทรวงแรงงาน ให้สามารถสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ สามารถสร้างธุรกิจของตัวเอง ให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน โดยมีตัวแทนหน่วยงานในกระทรวงแรงงาน ตัวแทนภาคส่วนต่างๆ ทั่วประเทศเข้ารับฟังกว่า 400 คน

สำหรับโครงการพัฒนาส่งเสริมอาชีพผู้ประกอบการร้านสตรีทฟู้ด ของกระทรวงแรงงาน จะมีการขยายการฝึกอบรมผู้ประกอบการรายใหม่และพัฒนาให้กับผู้ประกอบการรายเดิมมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นโดยจะกระจายอบรมไปทั่วทุกภาค
ใน 5 จังหวัดเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าในพื้นที่ของประเทศไทย
โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการ เป็นผู้ประกอบการสตรีทฟู้ดรายใหม่ 15,000 ราย และผู้ประกอบการรายเดิม 15,000 ราย รวมเป็น 30,000 ราย ในปีนี้เพื่อเป็นการเพิ่มยอดขายให้สูงขึ้นโดยใช้เครื่องมือทางการตลาดดิจิทัล
ทั้งนี้ จากข้อมูลยูโรมอนิเตอร์ได้มีผลการศึกษาข้อมูลพบว่าในปี 2564 ตลาดธุรกิจร้านสตรีทฟู้ดของประเทศไทยมีผู้ประกอบการมากกว่า 560,000 ราย และมีมูลค่าจำนวน 3.4 แสนล้านบาท มีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 5 ต่อปี ซึ่งสะท้อนความนิยมในร้านอาหารสตรีทฟู้ดของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนกลายเป็นสิ่งสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศ สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนได้ ปีละ 2.21 ล้านล้านบาท รัฐบาลจึงได้เร่งผลักดันให้สตรีทฟู้ดของประเทศไทยเกิดการขยายตัวเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ประชาชน

