“กอบศักดิ์” เชื่ออาเซียนบูม นักลงทุนรุม แนะธุรกิจไทยปรับตัว คว้าโอกาสไปต่อ

“กอบศักดิ์” ชี้เศรษฐกิจอาเซียนบูม หลังนักลงทุนหนีซบ พร้อมเปิดโจทย์ยาก เตือนธุรกิจไทยเร่งปรับตัว คว้าโอกาสไปต่อ

วันนี้ (16 ม.ค.68) นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในหัวข้อ “Challenges Facing ASEAN in the Age of Disruption” ในงานสัมมนา “AEC Business Forum 2025” ว่า เศรษฐกิจในระยะต่อไปอาจเจอความท้าทายที่มากขึ้นที่จะมาเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยการเปลี่ยนแปลงจะมาในรูปแบบ New Wave Investment into Asean ซึ่งจะเกิดเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น

นายกอบศักดิ์กล่าวว่า หากย้อนในอดีตท่ามกลางวิกฤติมากมาย แต่ตัวเลขการลงทุนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ประมาณปี 2523-2533 เคยมีการลงทุนที่เข้าสู่อาเซียน เช่น ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

สำหรับไทย ถือว่าอยู่ลำดับต้นๆ ของโลก ซึ่งมีการลงทุนอยู่ที่ 6% ปัจจุบันเพิ่มขึ้น 17% เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งปี 2565 ตัวเลขการขอส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เยอะสูงสุดในรอบทศวรรษ (10 ปี) มีมูลค่ามากกว่าล้านล้านบาท ซึ่งบ่งบอกว่าไทยกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงรอบใหม่

และคาดว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้า หากการลงทุนที่เกิดขึ้นสร้างเสร็จเป็นรูปธรรมแล้ว ซึ่งภาพรวมการพลิกโฉมดังกล่าว สนับสนุนให้ภูมิภาคอาเซียนจะก้าวเป็นอันดับ 4 ของโลก ด้วยมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นถึง 6.7 ล้านล้านดอลลาร์ จาก 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน ขณะที่ประชากรจาก 38 ล้านคน เพิ่มเป็น 160 ล้านคน ส่งผลให้เกิดเปลี่ยนแปลงสภาพเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน ความท้าทายที่ทุกประเทศอาเซียนกำลังเผชิญอยู่แบ่งเป็น 2 ส่วน คือระยะสั้นและระยะยาว ส่วนที่เป็นเรื่องระยะสั้นๆ มี 3 เรื่อง ได้แก่ 1.นโยบายของสหรัฐฯ ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพิ่มข้อกีดกันทางการค้า สร้างกำแพงภาษีนำเข้าให้สูงขึ้น โดยเฉพาะจากจีน

2.การเกิดขึ้นของคู่แข่งใหม่ๆ ที่มีต้นทุนต่ำและสินค้าราคาถูกหลั่งไหลเข้ามาในไทยและภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น และ 3.การนำปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) มาใช้เพื่อการผลิตสินค้าและบริการ

นอกจากนี้ โจทย์ในระยะยาวมี 3 ข้อ 1.มาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) ของสหภาพยุโรป 2.ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจในระยะยาวไปสู่การทำธุรกิจแบบมีความรับผิดชอบ เพื่อความยั่งยืนมากขึ้น 3.การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

ขณะที่เศรษฐกิจไทยประเมินว่าปี 2568 จะขยายตัวได้ 3% โดยได้รับแรงสนับสนุนจาก 4 ด้านหลักๆ คือ 1.การส่งออกที่จะกลับมาขยายตัวได้มากขึ้น 2.การท่องเที่ยว คาดว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามาถึง 40 ล้านคน จากปี 2567 ที่มีจำนวน 35 ล้านคน 3.การลงทุนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และ 4.การสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐบาล

ดังนั้น จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ธุรกิจต้องเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดรับโอกาสท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน โดยจะต้องได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศ

ขณะที่ภาคธุรกิจต้องกล้าที่จะปรับตัว เข้าใจถึงความท้าทายและเป้าหมายความต้องการ และสุดท้ายคือสถาบันการเงิน ที่จะคอยสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนผ่าน รวมทั้งองค์ความรู้ให้กับลูกค้าอย่างใกล้ชิด

“อย่าไปกลัวว่ากระแสการลงทุนจะไม่ไหลเข้าประเทศไทย หรือแม้จะไหลไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ไทยก็จะได้ประโยชน์จากการเข้ามาลงทุนในอาเซียนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เนื่องจากปัจจุบันเราสามารถเชื่อมโยงการค้าระหว่างกันได้โดยง่ายและสะดวกมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือธุรกิจต้องมีปรับตัวและมีความพร้อมทันต่อโอกาสที่จะเข้ามา”นายกอบศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพเองในฐานะสถาบันการเงิน เราไม่เพียงแต่สนับสนุนสินเชื่อสีเขียวเพื่อการเปลี่ยนผ่าน หรือการทำ Digital Tranformation เพียงเท่านั้น

“แต่ธนาคารยังให้การสนับสนุนองค์ความรู้ อัปเดตข้อมูลเชิงลึก เทรนด์การค้าทั้งของไทยและของโลก ให้แก่ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง เพื่อเคียงข้างลูกค้าสร้างความมั่นใจในการปรับตัวคว้าโอกาสทางธุรกิจได้อย่างมีศักยภาพและยั่งยืน” นายกอบศักดิ์ กล่าว