ธปท.-พาณิชย์ฯ-ต.ร.ไซเบอร์ ปราบ “บัญชีม้านิติบุคคล” หลังราคาพุ่ง 1.5 แสน

สกัดม้า! “ธปท.-พาณิชย์ฯ-ต.ร.ไซเบอร์” ไล่ปราบ “บัญชีม้า” หลังพบเปิดแบบ “นิติบุคคล” ค่าจ้างพุ่ง 1.5 แสนบาท พร้อมลงดาบอีก 7 แสนบัญชีเสี่ยง “แบงก์” กันเงินเข้า-ล็อกเงินออก ป้องเหยื่อสูญทรัพย์

ภัยทุจริตทางการเงินเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่หน่วยงานภาครัฐบาล และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกันแก้ไขโดยได้ออก พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อให้ธนาคารสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและระงับบัญชีม้าตามเส้นทางเงิน

เพื่อยกระดับมาตรการจัดการบัญชีม้าระดับบุคคล ซึ่งช่วยให้บัญชีม้าถูกระงับเป็นจำนวนมากและเปิดใหม่ได้ยากขึ้น ส่งผลให้มิจฉาชีพเปลี่ยนไปใช้บัญชีนิติบุคคลเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดมากขึ้น

วันนี้ (14 มี.ค.68) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)  กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)  กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) ร่วมกันผลักดันมาตรการจัดการบัญชีม้านิติบุคคล

พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) 

พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) เปิดเผยว่า มีการตั้งคณะทำงานเพื่อปราบปรามบัญชีม้า โดยการรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงาน เพื่อตรวจจับบัญชีที่มีความเสี่ยงกระทำการผิดกฎหมาย และนำมาสู่การถอดแผนประทุษกรรม

พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิกล่าวว่า โดยเริ่มต้นจากผู้ว่าจ้าง หรือนายทุนต้องการจัดหาบัญชีม้านิติบุคคล จะติดต่อนายหน้า จากเดิมเป็นบุคคลธรรมดา แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นสำนักงานทนายความ หรือบริษัทรับจัดทำบัญชี เพื่อให้ไปหาบุคคล หรือตัวละครต่างๆ ในการเปิดบริษัท เพื่อขอยื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท

สำหรับราคาค่าจ้างจัดการให้เปิดบัญชีม้านิติบุคคลอยู่ที่ 100,000-150,000 บาท โดยรวมทั้งหมด คือ 1.รับจ้างทำบัญชี 2.จัดหาบุคคลที่แสดงเจตนาก่อตั้งนิติบุคคล 3.จัดหาบุคคลที่จะเป็นกรรมการ 4.ดำเนินการขอจดทะเบียนกับสถาบันการเงิน และการโยกย้ายเงินไปสู่ระบบคริปโตเคอร์เรนซี

“การตรวจสอบพบว่าเป็นบัญชีม้านิติบุคคล เช่น ผู้ขอจัดตั้งไม่มีความสามารถจัดตั้ง บางรายมีคดีก่ออาชญากรรม ขั้นตอนการจัดตั้งไม่เป็นไปตามที่นายทะเบียนกำหนด ที่ตั้งตั้งของนิติบุคคลซ้ำกัน ผู้รับจ้างเปิดบริษัทจะเป็นหน้าเดิมๆ รวมถึงทุนจดทะเบียนไม่เกิน 1 ล้านบาท และมีระยะการจัดตั้งไม่เกิน 1 ปี”พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิกล่าว

นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.)

นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) กล่าวว่า สำหรับรายชื่อบุคคลที่ขึ้นว่ามีความเสี่ยงเปิดบัญชีผิดกฎหมายขณะนี้พบ 70,000 รายชื่อ โดยกลุ่มบุคคลนี้มีบัญชีมากกว่า 1 บัญชี รวมแล้วมี 700,000 บัญชี ทั้งส่วนนิติบุคคลและบุคคล สำหรับนิติบุคคล ที่กำหนดให้เป็นผู้ที่มีความเสี่ยง 4-5 นิติบุคคล

ทั้งนี้ ผลการจับกุม ข้อมูล 3 เดือนที่ผ่านมา (ธ.ค.67-ก.พ.68) รวม 23 จุด กระจายทั่วประเทศ มี 190 บริษัท บางส่วนมีการยื่นดำเนินคดี และบางส่วนกำลังรวบรวมข้อมูล เพื่อตรวจสอบว่าเป็นบริษัทที่เปิดไว้ทำธุรกรรมลักษณะใด สำหรับโทษตามความผิดนั้น ผู้รับจ้างธรรมดามีโทษจำคุก 3 ปี และปรับ 300,000 บาท ส่วนผู้รวบรวม หรือผู้จัดหา มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 500,000 บาท

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ให้ความสำคัญและเพิ่มความเข้มข้นในการปราบปรามบัญชีม้านิติบุคคล โดยกรมได้เชื่อมข้อมูลกับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) และกำหนดมาตรการเข้มในการจัดการบัญชีม้านิติบุคคล ดังนี้

1.ออกคำสั่งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ที่ 3/2567 เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดของบุคคล โดยเมื่อมีบุคคลตามรายชื่อในบัญชี HR-03 ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานของ ปปง. มาขอจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลและแจ้งชื่อเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการหรือกรรมการบริษัท จะให้บุคคลดังกล่าวมาแสดงตัวยืนยันตัวตนต่อหน้านายทะเบียนก่อนรับจดทะเบียน และส่งชื่อนิติบุคคลดังกล่าวให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) เพื่อการติดตามขยายผลต่อไป

2.ทุกครั้งที่ AOC แจ้งการอัปเดตบัญชีรายชื่อ HR-03 กรมจะตรวจสอบ และหากพบนิติบุคคลที่มีกรรมการหรือหุ้นส่วนผู้จัดการอยู่ในบัญชี HR-03 จะแจ้งกลับ AOC เพื่อขยายผลต่อไป

นางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.

นางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพนำบัญชีนิติบุคคลไปใช้หลอกลวงประชาชน ธปท. กำหนดให้สถาบันการเงินเพิ่มความเข้มข้นในการจัดการกับบัญชีนิติบุคคล ทั้งกรณีนิติบุคคลที่มีรายชื่อเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานของสำนักงาน ปปง. ที่สถาบันการเงินจะดำเนินการเข้มข้นเทียบเท่ากรณีบุคคลธรรมดาที่เข้าข่ายกระทำผิด

และกรณีที่นิติบุคคลมีผู้เกี่ยวข้อง เช่น กรรมการ หรือหุ้นส่วนผู้จัดการ เป็นบุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในฐานข้อมูลสำนักงาน ปปง. โดยหากสถาบันการเงินประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นบัญชีม้า สถาบันการเงินจะดำเนินการระงับการใช้บริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ และไม่ให้เปิดบัญชีใหม่

“ทุกหน่วยงานมุ่งหวังว่าความร่วมมือในการยกระดับการจัดการกับบัญชีม้านิติบุคคลในครั้งนี้ จะป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพนำบัญชีนิติบุคคลไปใช้กระทำความผิดและสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน”นางรุ่งกล่าว

ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานพร้อมร่วมมือกันเพิ่มเติม เช่น ขยายการจัดการไปถึงบัญชีนิติบุคคลที่มีผู้เกี่ยวข้องเป็นบุคคลที่ถูกแจ้งความ แม้จะยังไม่อยู่ในรายชื่อเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานของสำนักงาน ปปง. รวมถึงการกำหนดมาตรการจัดการการถ่ายโอนเงินผ่านช่องทางสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อแก้ไขปัญหาภัยทุจริตทางการเงินให้ได้อย่างครบวงจรและยั่งยืนต่อไป

พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวว่า หลังจากมาตรการปราบปรามเข้มข้น โดยยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งการปราบปรามแถวชายแดนด้านตะวันตกและตะวันออก

พล.ต.ท. ไตรรงค์ กล่าวว่า ส่งผลให้สถิติการรับแจ้งความในระบบออนไลน์ https://www.thaipoliceonline.go.th จากเฉลี่ยปี 2567 วันละ 1,200 คดี ปัจจุบันลดลงเหลือ 900 คดี ซึ่งหายไปมากกว่าวันละ 200-300 คดี โดยเฉพาะคดีประเภทหลอกลวงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งการข้มขู่ โรแมนสแกม หลอกให้ทำกิจกรรมหารายได้สูง เป็นต้น

“สำหรับประเภทที่เพิ่มขึ้น คือการหลอกขายสินค้าและบริการยังมีอยู่ แต่การหลอกในกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดลง จากการปฏิบัติตามมาตรการชายแดดทำให้สถิติลดลง”พล.ต.ท. ไตรรงค์กล่าว