
วันนี้ (19 เม.ย.68) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ราคาหมูหน้าฟาร์ม หมูเนื้อแดงและหมูสามชั้นในเดือนเม.ย.68 มีราคาปรับเพิ่มสูงขึ้นในรอบ 1 ปี 10 เดือนไปจนถึงสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยราคาหมูหน้าฟาร์มจากราคา 69 บาท/ก.ก. ขึ้นเป็น 75 บาท/ก.ก. สูงสุดในรอบ 1 ปี 10 เดือน หรือมีราคาแพงตั้งแต่มิ.ย.66
สอดคล้องกับราคาหมูเนื้อแดงจากราคา 132 บาท/ก.ก. ขึ้นเป็น 147 บาท/ก.ก. สูงสุดในรอบ 2 ปี หรือมีราคาแพงตั้งแต่เม.ย.66 เป็นต้นมา และราคาหมูสามชั้น จากราคา 193 บาท/ก.ก. ขึ้นเป็น 203 บาท/ก.ก. สูงสุดในรอบ 2 ปี หรือมีราคาแพงตั้งแต่เม.ย.66
ราคาหมูปรับสูงขึ้นในช่วง 4 เดือนแรกปี 2568 เป็นผลมาจากผลผลิตหมูลดลงราว 2.2% จากอากาศร้อน โดยเฉพาะในเดือนมี.ค.และเม.ย. 2568 ราคาอาหารหมูปรับขึ้น โดยรำสดเพิ่ม 2.3% และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่ม 31% ความต้องการบริโภคพุ่งในเทศกาลตรุษจีนและสงกรานต์ และเกษตรกรรายย่อยบางส่วนเลิกกิจการ
ขณะเดียวกัน แม้ราคาหมูในช่วงที่เหลือของปี 2568 จะปรับลดลงตามผลผลิตที่เพิ่มจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยขึ้น แต่ราคาหมูหน้าฟาร์มทั้งปี 2568 จะยังเพิ่ม 2.6% ดันราคาหมูเนื้อแดงเพิ่ม 3.7% และหมูสามชั้นเพิ่ม 4.8%
ราคาหมูที่สูงขึ้นได้ส่งผลต่อผู้ที่เกี่ยวข้องหลัก ได้แก่ เกษตรกร โดยถึงแม้ว่าราคาขายหมูจะเพิ่ม แต่ต้นทุนการผลิตสูงเฉลี้ย 76 บาท ต่อ กก.ส่งผลภาพรวมยังขาดทุน ถัดมาเป็นผู้ประกอบการเขียงหมู พบว่ามีต้นทุนหมูมาแพงทำให้ขายยากขึ้น และต้นทุนอื่นยังสูง เช่น ค่าเช่าแผง ค่าน้ำ เป็นต้น
ต่อมาเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เนื้อหมูแปรรูป ปรากฏว่าต้องซื้อหมูมาแปรรูปในราคาแพงขึ้น นอกจากนี้ ต้นทุนอื่นยังสูง เช่น ค่าแรง น้ำตาล ค่าบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น ส่วนกลุ่มสุดท้าย คือร้านอาหาร/ผู้บริโภค ทำให้ต้องซื้อหมูแพงชึ้น สวนทางกำลังซื้อที่โตชะลอ และกดดันการขายในเมนูอาหารตามสั่ง เช่น กะเพราหมู หมูกระเทียม รวมถึงหมูกระทะ/ชาบู๊
