วันนี้ (25 มิ.ย.67) นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิตยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือน พ.ค.67
นายสุรพงษ์กล่าวว่า จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนพ.ค.67 มีทั้งสิ้น 126,161 คัน ลดลงจากเดือนพ.ค.66 ร้อยละ 16.19 ลดลงจากการผลิตรถกระบะขายในประเทศลดลงร้อยละ 54.66 และผลิตรถยนต์นั่งขายในประเทศลดลงร้อยละ 14.35 ตามยอดขายในประเทศที่ลดลงจากเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตในอัตราต่ำ และการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่พร้อมเต็มที่ แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเม.ย.67 ร้อยละ 20.54 ขณะที่จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนม.ค.–พ.ค.67 มีจำนวนทั้งสิ้น 644,951 คัน ลดลงจากเดือนม.ค.- พ.ค.66 ร้อยละ 16.88
ขณะเดียวกัน ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนพ.ค.67 จำนวนทั้งสิ้น 49,871 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเม.ย.67 ร้อยละ 6.70 แต่เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค.66 ลดลงที่ร้อยละ 23.38 ขณะที่รถจักรยานยนต์ มียอดขาย 165,339 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเม.ย.66 ร้อยละ 30.14 แต่ลดลงจากเดือนพ.ค.66 ร้อยละ 10.19
หากรวมตั้งแต่เดือนม.ค.–พ.ค.67 รถยนต์มียอดขาย 260,365 คัน ลดลงจากปี 2566 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 23.80 ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 739,988 คัน ลดลงจากเดือนม.ค.-พ.ค.66 ร้อยละ 9.16
สาเหตุเพราะสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้งเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวในอัตราต่ำจากการล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ทำให้การลงทุนของภาครัฐลดลง ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงติดต่อกันมากกว่าสิบเดือน โรงงานหลายแห่งลดเวลาทำงานลง และมีการเลิกจ้างพนักงานหลายหมื่นคน ทำให้ขาดรายได้ ประชาชนจึงระมัดระวังการใช้จ่าย เพราะความไม่แน่นอนในเรื่องรายได้ รวมทั้งค่าอาหาร ค่าเดินทางและพลังงานมีราคาสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 และปี 2568 ที่่กำลังพิจารณาในสภาฯ แต่เศรษฐกิจจะขยายตัวถึงร้อยละ 3 หรือไม่ ยังน่ากังวลถ้ายอดผลิตรถยนต์และขายรถยนต์ และขายอสังหาริมทรัพย์ยังติดลบ เพราะทั้งสองอุตสาหกรรมมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องและแรงงานมาก ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศมาก
คลิปอีจันแนะนำ
6 ช่วงชีวิต ในศรีธัญญา