โดนหมด! ”ดีอี“ จ่อออกกฎคุม ‘Facebook-TikTok” ห้ามพนันออนไลน์

โดนหมด! ”ดีอี“ จ่อออกกฎคุม ‘เฟซบุ๊ก-ติ๊กต่อก’ ห้ามพนันออนไลน์ พร้อมชง ครม. 13 ม.ค.นี้ เคาะแบงก์-ค่ายมือถือ รับผิดชอบเหยื่อโดนมิจฉาชีพหลอก

วันนี้ (9 ม.ค.68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอี เร่งเสนอขอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการแก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 เพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะเสนอในการประชุม ครม.วันที่ 13 ม.ค.นี้

หลังจากที่ สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติม โดยสาระสำคัญการแก้ไขกฎหมาย คือการให้สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) ร่วมรับผิดชอบคืนเงินให้ผู้เสียหาย

“ซึ่งหากผ่านความเห็นชอบ ครม.แล้ว ภายใน 3 วันต้องนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลบังคับใช้ทันที”นายประเสริฐกล่าว

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)

นายประเสริฐกล่าวว่า กฎหมายฉบับแก้ไขที่นำเข้าที่ประชุม ครม. ยังรวมถึงการกำหนดแนวทางสำหรับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์

เช่น Facebook และ TikTok ให้มีส่วนร่วมในการคัดกรองเนื้อหาและโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง หากไม่ปฏิบัติตามหรือปล่อยละเลยถือว่าความผิดตามกฎหมาย

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะออกมาตรการเสริม คือการควบคุมการขายซิมการ์ดของนิติบุคคล ซึ่งมีการซื้อขายจำนวนมาก แต่ไม่มีการกำหนดให้มีการลงทะเบียน เพื่อป้องกันการใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย โดยจะมีการหารือออกมาตรการกับทาง กสทช.

นายประเสริฐกล่าวว่า ขณะเดียวกัน ยังจะเชื่อมโยงข้อมูลธนาคารต่างๆ กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อหยุดวงจรการฟอกเงิน โดยความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง กสทช., โอเปอเรเตอร์ และธนาคาร จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงาน

เช่น การตรวจสอบบัญชีม้า, การคัดกรองการโอนเงิน และการควบคุมระบบการเงินดิจิทัลที่มิจฉาชีพเปลี่ยนการโอนเงิน เป็นสกุลเงินดิจิทัล เช่น คริปโตเคอร์เรนซี เป็นต้น

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมาได้ใช้มาตรการ การกำหนดให้ผู้ส่ง SMS แนบลิงค์ ต้องลงทะเบียนชื่อและตรวจสอบเนื้อหากับโอปอเรเตอร์ ก่อนที่จะมีการส่งด้วย

“กระทรวงดีอี ได้เร่งรัดการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โดยเฉพาะการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ ผิดกฎหมายทุกรูปแบบ เพื่อเป็นการตัดวงจรช่องทางการก่ออาชญากรรมที่สำคัญของขบวนการมิจฉาชีพ”นายประเสริฐกล่าว

ทั้งนี้ ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 68 ตั้งแต่เดือนต.ค. – ธ.ค.67 รวมระยะเวลา 3 เดือน ได้ดำเนินการปิดกั้นไปแล้ว 52,691 รายการ หรือเฉลี่ย 17,564 รายการต่อเดือน เพิ่มขึ้น 0.69 เท่าตัว จากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 67 ที่ปิดกั้น 31,154 รายการ หรือเฉลี่ย 10,385 รายการต่อเดือน