แสนสิริ เตรียมกางแผน ลุยภูเก็ต วางเป้ายอดขาย 7,000 ล้าน

แสนสิริ กางแผนเตรียมลุย ภูเก็ต หลังการท่องเที่ยวกลับมาบูมอีกรอบ วางโครงการใหญ่ ตั้งเป้ายอดขาย 7,000 ล้านบาท

นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ แสนสิริ ร่วมแถลงข่าวประกาศแผนธุรกิจ ปี 2568 “SANSIRI BUSINESS DIRECTION 2025” เพื่อประกาศทิศทาง และแนวทางการดำเนินธุรกิจ ของแสนสิริ ว่าจะเดินไปในทิศทางไหน และพูดคุย แชร์ความเห็น ถึงทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันนี้ เป็นอย่างไร

โดยนายอุทัย กล่าวว่า ปี 2568 นี้ แสนสิริ ได้วางเป้าหมายในการขยายโครงการ เพิ่มขึ้นถึง 29 โครงการใหม่ มูลค่ารวมมากถึง 52,000 ล้านบาท โดยจะมีทั้งการเปิดตลาดในทำเลใหม่ การนำแบรนด์เก่ากลับมา และการสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้น ทั้งในรูปแบบของบ้านและคอนโด ซึ่งปี 2567 ที่ผ่านมา เป็นปีครบรอบ 40 ปีของแสนสิริ เป็นปีที่มีความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเปราะบาง ขณะเดียวกันแสนสิริยังคงมีอัตราเติบโตทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง สร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ได้แก่ การรักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้แสนสิริประสบความสำเร็จ ด้วยยอดขายรวมถึง 50,000 ล้านบาท และยอดโอน (รวมโครงการร่วมทุน) อยู่ที่ 43,700 ล้านบาท มีโครงการที่ขายหมดถึง 25 โครงการ มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท จากการเพิ่มสัดส่วนการเปิดตัวโครงการ โดยเฉพาะโครงการแนวราบ รวมทั้งการใช้เงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพและรักษาสภาพคล่องให้อยู่ในระดับสูง

นอกจากนี้ไฮไลต์ความสำเร็จในปีที่ผ่านมา แสนสิริยังรุกหนักแผน Strategic Location โดยชู “ภูเก็ต” และ “เชียงใหม่” เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ในการขยายธุรกิจในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้แสนสิริสร้างยอดขายในตลาดต่างจังหวัดได้ถึง 10,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 120% โดยเฉพาะ ภูเก็ต ซึ่งเป็นทำเลที่มีการเติบโตสูง

ปี 2568 ยังคงเป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทาย โดยเฉพาะภาคอสังหาฯ สำหรับแสนสิริในฐานะรายใหญ่และเป็นเจ้าตลาดฯ ก็ขอร่วมขับเคลื่อนตลาดและสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคอุตสาหกรรม ผ่านแผนธุรกิจปี 68 ภายใต้แนวคิด Dynamic Growth เติบโตแข็งแกร่ง ตั้งเป้าหมายยอดขาย 53,000 ล้านบาท เป้าหมายยอดโอน 46,000 ล้านบาท

ขณะที่นายภูมิภักดิ์ กล่าวว่า ธุรกิจการปล่อยเช่าบ้านและคอนโดกำลังมาแรง ด้วยกระแสการเข้ามาท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ที่เพิ่มมากขึ้นในปี 2567 ที่ผ่านมา ทำให้แสนสิริ เตรียมจะผุดโครงการใหม่ๆขึ้นมาอีกหลายโครงการ เพื่อรองรับกำลังซื้อที่จะเพิ่มมากขึ้น

โดยในปี 2568 นี้ แสนสิริจะขยายฐานการผลิตออกไปอีกในหลายพื้นที่ เช่น โซนบางนา บรมราชชนนี และนางลิ้นจี่ รวมทั้งจะขยายพื้นที่ไปในจังหวัดท่องเที่ยว ทั้ง ชลบุรี, เชียงใหม่, ภูเก็ต โดยเฉพาะที่จังหวัดภูเก็ต เพราะมูลค่าการขายดี มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะขึ้น ทำให้เกิดการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการปล่อยเช่า การซื้อเพื่อเก็งกำไร รวมทั้งการเข้ามาเป็นเจ้าของที่ของชาวต่างชาติเอง รวมทั้งการขยายพื้นที่เศรษฐกิจตามนโยบายต่างๆของรัฐบาล ที่กระจายไปตามพื้นที่ท่องเที่ยว ก็จะทำให้เกิดมูลค่าในการลงทุนมากขึ้น ทางแสนสิริเอง ได้เตรียมงบประมาณสำหรับการซื้อที่ดินเอาไว้ ราวๆ 2,000 ล้านบาท โดยจะเน้นไปที่ภูเก็ตเป็นหลัก

นอกจากนี้ แสนสิริจะนำโครงการในชื่อ นาราสิริ กลับมาอีกครั้ง, โครงการในชื่อ เดมี่ ก็จะเปิดทำเลใหม่ รวมทั้งอีกหลายๆโครงการ ก็กำลังจะขยายไปสร้างในทำเลที่คนซื้อมีกำลังซื้อ ในส่วนของคอนโด ก็จะโฟกัสไปที่คอนโดในเมือง ใกล้รถไฟฟ้า เพราะการมาของโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท จะช่วยให้ที่ดินในเส้นเดินรถไฟฟ้า เป็นทำเลที่น่าสนใจขึ้น

ทั้งใน ในส่วนของภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ เชื่อว่า จะไม่เจอทางตันแบบปีที่แล้ว เพราะมีโครงการคุณสู้เราช่วยเข้ามา ช่วยแก้เรื่องหนี้ ทำให้คนทั่วไปมีกำลังหรือมีโอกาสในการซื้อมากขึ้น ตลาดอสังหาในระดับพรีเมี่ยม มีแนวโน้มจะดีขึ้น รวมทั้งตลาดอสังหาฯในทำเลท่องเที่ยวเช่นกัน

นอกจากนี้ นายภูมิภักดิ์ เปิดเผยว่า เราเห็นเซ็นทิเมนต์ตลาดหลายประการที่มีการตั้งคำถามไม่ว่าจะเป็นทิศทางดอกเบี้ย กำลังซื้อของผู้บริโภค สำหรับแสนสิริ เราขอชวนมองในปัจจัยอื่น ที่เป็นแรงสนับสนุนแผนการเติบโต Dynamic Growth ในปีนี้ อาทิ การโอนบ้านมือสอง การปล่อยเช่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
ทำให้คนทำงานหาที่พักอาศัยเพิ่มขึ้น เราพบว่าคนยังหาข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อบ้านอยู่ (บ้านยังเป็นปัจจัย 4) รวมถึงการขยายแนวรถไฟฟ้าสายต่างๆ และรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ปี 2568 แสนสิริให้ความสำคัญกับ 5 คีย์ไดร์เวอร์ในการขับเคลื่อนองค์กร ได้แก่

1.ขยายการพัฒนาที่อยู่อาศัยในกลุ่มสินค้าระดับลักซ์ชัวรีและพรีเมี่ยมในทำเลใหม่ที่มีศักยภาพสูง อาทิ บางนา, บรมราชชนนี, สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ ซึ่งมีดีมานด์อย่างต่อเนื่องและไม่อ่อนไหวตามสภาพตลาด โดยเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ ได้แก่ นาราสิริ บางนา กม.10, นาราสิริ วิคตัวร์ กรุงเทพกรีฑา, นาราสิริ บรมราชชนนี และเดมี พระราม 9 – เหม่งจ๋ายที่ต่อยอดความสำเร็จในทำเล หลัง Sold Out บูก้าน พระราม 9 – เหม่งจ๋าย ในวันแรกที่เปิดจองทันที

2.เร่งเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ในกรุงเทพฯ เพิ่ม Backlog สนับสนุนการสร้างรายได้ระยะยาว ปัจจุบันแสนสิริมีคอนโดมิเนียมในเมืองที่ สร้างเสร็จพร้อมโอน เหลือแค่ XT พญาไท และ เนีย บาย แสนสิริ เท่านั้น ซึ่งคาดการว่าจะสามารถขายหมดได้ในปีนี้ และก็มีอีกไม่กี่โครงการที่จะเริ่มสร้างเสร็จพร้อมโอนในอนาคต เช่น โฟล บาย แสนสิริ ที่พร้อมโอนในปลายปีนี้ ดังนั้นเราจึงมีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ เพื่อเติมเต็ม Portfolio ของแสนสิริให้แข็งแกร่งขึ้นในปีนี้ อาทิ เดอะ เบส รัชดา 19, เดอะ เบส เออร์เบิร์น พระราม 9, เวีย สุขุมวิท 34 และครั้งแรกของคอนโดมิเนียมใหม่ในทำเล นางลิ้นจี่

3.รุกต่อ Strategic Locations ขยายการพัฒนาโครงการไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภูเก็ต พัทยา และขอนแก่น เพื่อคว้าโอกาสจากความต้องการของตลาดที่สูงขึ้น โดยในปีนี้จะไฮไลต์ Strategic Location อย่างภูเก็ต ที่วางกลยุทธ์ 5 ปี (2568-2572) เปิดตัวโครงการใหม่รวม 27 โครงการ มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท ตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ในทุกโปรดักส์ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ซึ่งในปีนี้จะเปิดตัวโครงการใหม่ อาทิ เดอะ เบส เชิงทะเล, เศรษฐสิริ เกาะแก้ว รีทรีต

4.ขยายโอกาสในการลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ เพื่อพัฒนาโครงการร่วมกัน โดยปีนี้จะมีโครงการ Joint Venture ใหม่ 7 โครงการ มูลค่า 19,500 ล้านบาท โดยปีนี้เราได้ทำความร่วมมือใหม่กับบริษัท มิตซุย ฟุโดซัง เอเชีย ดีเวลลอปเมนท์ (ไทยแลนด์) จำกัด ในโครงการบุราสิริ จตุโชติ และนาราสิริ บางนา กม.10 หนึ่งในแบรนด์สำคัญใน Sansiri 10 East ลักซ์ชัวรีคอมมูนิตี้กว่า 165 ไร่ ซึ่งบริษัท มิตซุย ฟุโดซัง เอเซีย ดีเวลลอปเม้นท์ (ไทยแลนด์) จำกัด ถือเป็น Partner ใหม่รายล่าสุด เพิ่มจาก Partner เดิมของเรา คือ บีทีเอส กรุ๊ป, โตคิว คอร์ปอเรชั่น และ เอ็กซ์สปริง แคปิตอล

5.แสนสิริยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าในพันธกิจสีเขียวและเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ผนวกเข้าไปในทุกๆ กระบวนการทำงาน สำหรับปีนี้เรายังคงพัฒนา Green Living Design ในโปรดักต์ใหม่ (เซ็กเมนต์ ลักซ์ชัวรีและพรีเมี่ยม) กับการตั้งเป้าลดพลังงานสูงสุด 50% จากปีก่อนหน้าทำได้ 40% ถัดมาคือการผลักดันการทำงานร่วมกันใน Ecosystem โดยตั้งเป้าการทำ R&D กับ 3 ราย ร่วมพัฒนากรีนโปรดักต์ และและเตรียมพบกับ Sustainable Home Prototype 1 ก้าวสำคัญวงการอสังหาฯ จากแสนสิริ ที่จะเปิดให้ชม เร็วๆ นี้

ต้องจับตาดูว่า ทิศทางของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2568 นี้ จะเป็นไปในทิศทางไหน และมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากปีที่ผ่านมาบ้าง จะได้ตัดสินใจกันถูก จะซื้อ จะขาย จะเก็งกำไร ตัดสินใจกันดีๆนะครับ