
จากกรณีที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทยในอัตรา 36% โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าปัจจัยดังกล่าวมีผลต่อการปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยปี 2568 จากปัจจุบันคาดการณ์ไว้ที่ 2.5% คาดว่าจะเหลือต่ำกว่า 2.5% โดยจะเห็นผลกระทบชัดเจนช่วงครึ่งหลังปีนี้
วันนี้ (18 เม.ย.68) นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่นิ่งและยังตลบอบอวลอยู่ โดยทิศทางเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าแน่นอน
แต่การกระทบกระเทือนขึ้นอยู่กับว่า 1.ประเทศไทยจะเจอภาษีสูงระดับใด และ 2.พิจารณาว่าหลายประเทศทั่วโลกเจอระดับภาษีอย่างไร ดังนั้น หลายฝ่ายมีความคิดเห็นร่วมกันว่าเศรษฐกิจจะยุบลง 1-2% เป็นอย่างน้อย อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ผิดคาดแต่สถานการณ์ยังไม่ชัดเจน จึงยังเห็นการปรับตัวเลขเศรษฐกิจต่อเนื่อง

“หอการค้าไทย เมื่อปลายปีก่อนมองเศรษฐกิจปี 2568 ขยายตัวที่ 3% แต่ประเมินล่าสุด จากที่ไทยอาจเจอภาษี 36% เจอแผ่นดินไหว โดยต้นเดือนเม.ย.68 ประเมินว่าจีดีพีจะหายไป -2% ทำให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสโตต่ำกว่า 2% แต่ยังระบุตัวเลขได้ไม่ชัดเจน เพราะภาษีที่จะต้องเจอยังมีความไม่แน่นอน นอกจากนี้ หากไทยเจอภาษีหนักและรุนแรงอาจทำให้จีดีพีโตต่ำกว่า 1%”นายธนวรรธน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากสถานการ์ยังไม่แน่นอน แต่ไทยได้นัดเจรจากับสหรัฐฯ เรื่องกำแพงภาษีสูงถึง 36% ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ ถือเป็นแนวทางที่ดี เพราะ 1.ถือเป็นการปะกาศเจตนารมณ์ก่อนว่าไทยต้องกรเป็นมิตรกับสหรัฐฯ และการพูดคุยก็เพื่ออยากรู้ถึงความต้องการของสหรัฐฯ ว่าอยากให้ไทยทำอะไร และสหรัฐฯมีมุมมองต่อภาษีไทยอย่างไร เพื่อให้ไทยมีการบ้านกลับมาทำต่อ เพื่อหาแนวทางการปรับปรุงร่วมกับภาคธุรกิจต่อไป

นอกจากนี้ มองว่าการที่ไทยอยู่ในขบวนแรกๆ ถือเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจและอยู่ในเวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม การเจรจาก็มีเรื่องของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะการเจรจาไม่ได้คุยกันวันเดียวแล้วจบลง แต่เป็นการคุยเบื้องต้น ซึ่งมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี
“จากข้อมูลที่ได้รับไทยมีแผนเจรจากับสหรัฐฯ 5 ข้อ ซึ่งไทยก็ต้องดูท่าทีของสหรัฐฯ ว่าคิดอย่างไรต่อข้อเสนอนี้ ซึ่งข้อเจรจาต่อรองก็ต้องมีการเสนอและสนอง แต่ที่บอกว่าไทยต้องหยั่งท่าที พอเราเจรจาไป เขาเจรจามาก็ต้องมีขอบเขตการเจรจา และเขาต้องโต้ตอบกลับมาว่าที่เราเสนอไปดีหรือไม่ดี”นายธนวรรธน์ กล่าว