
วันนี้ (3 ก.ค.67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในแต่ละปีจะมีผู้มีภาวะพึ่งพิงได้รับการดูแลจากภาครัฐอยู่ที่จำนวน 320,000 คนต่อปี แต่พบว่ายังมีผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงกลุ่มอื่น ๆ ในชุมชนเพิ่มเติมอีก เช่น กลุ่มที่มีภาวะสมองเสื่อม กลุ่มผู้ป่วยระยะสุดท้าย (Palliative Care) เป็นต้น ซึ่งมีความจำเป็นหรือความต้องการที่ต้องได้รับการดูแลเหมือนกับกลุ่มที่มี ADL เท่ากับหรือต่ำกว่า 11
ข่าวน่าสนใจอื่น
ดังนั้น เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการของผู้มีภาวะพึ่งพิงให้ได้รับบริการที่บ้านหรือในชุมชนเพิ่มขึ้น คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) มีมติเห็นชอบให้ขยายกลุ่มเป้าหมาย โดยให้ครอบคลุมกลุ่มที่มีภาวะสมองเสื่อมตั้งแต่ระยะปานกลางและกลุ่มผู้ป่วยระยะสุดท้ายด้วย โดยคาดการณ์ว่า จะทำให้มีผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิงที่ได้รับการดูแลในระบบเพิ่มรวมเป็นจำนวนประมาณ 6 แสนคน
นายคารม กล่าวว่า นอกจากนี้ บอร์ด สปสช. ได้อนุมัติเพิ่มงบประมาณค่าบริการจากเดิมเหมาจ่ายการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ จากจำนวน 6,000 บาทต่อคนต่อปี เพิ่มเติมเป็นจำนวน 10,442 บาทต่อคนต่อปี (เพิ่มขึ้น 4,442 บาทต่อคนต่อปี) ซึ่งจะทำให้ อปท. มีงบประมาณสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นในการดูแลผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ ทำให้หน่วยบริการสามารถจัดบริการได้ดีขึ้น รวมถึงจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นให้กับผู้ป่วย ขณะเดียวกันยังทำให้เกิดแรงจูงใจหน่วยบริการที่มีศักยภาพ เช่น สถานชีวาภิบาลที่อยู่กระจายในชุมชนเข้าร่วมให้การดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิงในระบบ

“รัฐบาลมุ่งดูแลผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น รองรับสังคมผู้สูงอายุในประเทศไทย ผ่านการจัดสรรงบประมาณ โดยมอบให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นหน่วยงานดำเนินการให้ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่จำเป็น ภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) โดยได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ผ่านกลไก “ระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่” (Long Term Care : LTC )” นายคารม กล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระบุว่าผู้มีภาวะพึ่งพิง คือ ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงผู้อื่นในการดูแลสุขภาพ เกิดภาวะพึ่งพิงในการใช้ชีวิตประจำวัน อันเนื่องมาจากการเจ็บป่วย หรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ การแบ่งผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิง 4 กลุ่ม ดังนี้
- กลุ่ม 1 เป็นกลุ่มที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ไม่มีภาวะแทรกซ้อน และสามารถฟื้นฟูได้ เช่น ผู้ป่วยหลังผ่าตัดเข่า ผ่าตัดสะโพก ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่องไม่เกิน 6 สัปดาห์ หลังจากออกจากโรงพยาบาล
- กลุ่ม 2 ผู้ป่วยติดบ้าน เป็นกลุ่มที่มีการดำเนินของโรค ทำให้มีข้อจำกัด ช่วยเหลือตนเองได้ไม่เต็มที่ ต้องการผู้ดูแล หรือคนช่วยเหลือในการทำกิจกรรมบางส่วน เช่น ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่องอยู่ในระหว่าง 3 – 6 เดือนหลังจากออกจากโรงพยาบาล
- กลุ่ม 3 ผู้ป่วยติดเตียง เป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง หรือผู้สูงอายุที่มีความพิการ มีภาวะสับสนทางสมอง ต้องมีผู้ดูแลช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวัน จำเป็นต้องมีการดูแลต่อเนื่องระยะยาวในช่วงชีวิต
- กลุ่ม 4 ผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลแบบประดับประคอง (Palliative Care) เป็นกลุ่มผู้ป่วยที่เจ็บป่วยด้วยโรคที่ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ ผู้ป่วยระยะสุดท้ายของชีวิต จำเป็นต้องมีการดูแลต่อเนื่องระยะยาวในช่วงชีวิต
สำหรับข้อมูลจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สบส. กระทรวงสาธารณสุข การขออนุญาต/ขึ้นทะเบียนกิจการการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง สามารถยื่นทางระบบ e-service เท่านั้น ทาง http://www.esta.hss.moph.go.th หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อกฎหมาย คุณสมบัติ หลักสูตร หรือเอกสารต่าง ๆ สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 02-193-7000 ต่อ 18408, 18429, 18433, 18411 ในวันจันทร์ – ศุกร์ ตามเวลาราชการ CALL CENTER 1426 line LINE ID: @452lyxbz

คลิปอีจันแนะนำ
ทำไมพ่อแม่ป่วย อย่าเพิ่ง ใส่สายยางอาหาร