สุริยะ ปัดลาออก! เซ่นปม คานทางด่วนพระราม 2 “ถล่ม”

สั่งลงดาบ! “สุริยะ” ปัดลาออก เซ่นปมคานทางด่วนพระราม 2 “ถล่ม” ยันสั่งสอบ 1 เดือนรู้ผล หากที่ปรึกษา – ผู้รับเหมาทำผิดดำเนินคดีอาญาทันที

วันนี้ (17 มี.ค.68) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงสาเหตุของคานสะพานก่อสร้างทรุดตัวบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษดาวคะนองของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก สัญญาที่ 3 เมื่อวันที่ 15 มี.ค.68 ที่ผ่านมานั้น

ขณะนี้ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเร่งตรวจสอบ คาดใช้เวลา 1 เดือน ถึงได้เห็นความขัดเจนของสาเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งบริษัทผู้รับเหมาและบริษัทที่ปรึกษา หากผลสอบพบกระทำผิดจริง จะดำเนินคดีอาญาทันที

สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นสะท้อนความหละหลวมในการทำงานหรือไม่นั้น นายสุริยะกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้กำชับหน่วยงานที่ต้องก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ให้คำนึงถึงความปลอดภัยแล้ว และในส่วนของกระทรวงก็ได้เชิญผู้รับเหมามาหารือถึงมาตรการทางด้านปลอดภัยแล้ว แต่สุดท้ายก็เกิดเหตุการณ์อีก

ดังนั้น จึงมีการเสนอมาตรการสมุดพกขึ้นมา พอถึงจุดหนึ่งเมื่อมีการเสียชีวิตขึ้นจะให้บริษัทนั้นขึ้นบัญชีดำ ทำให้เข้ามารับงานของรัฐไม่ได้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้บริษัทนั้นล้มละลายได้

“จากกระแสสังคมอยากให้ลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นั้น เรื่องนี้ได้อธิบายข้อเท็จจริงให้ทราบแล้วว่า สิ่งที่กระทรวงดำเนินการมาตลอดจนในที่สุดมีเรื่องมาตรการออกมาให้ชัดเจน มีเรื่องของการขึ้นบัญชีดำผู้รับเหมา ตรงนั้นทำให้เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นแน่นอน โดยงานก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ต้องเสร็จในสิ้นปีนี้แน่นอน” นายสุริยะกล่าว

นอกจากนี้ ภายหลังจากการประชุมเรื่องมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้างถนนและเส้นทางคมนาคม โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม

โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการและกำชับให้กระทรวงคมนาคมและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้การกับกำดูแล หารือเพื่อเร่งมาตรการด้านความปลอดภัยสูงสุดในการดำเนินการก่อสร้างทุกโครงการ พร้อมกับเร่งจัดทำมาตรการการลงโทษที่รุนแรงต่อผู้รับเหมาที่กระทำความผิด หากพบผิดจริงต้องพิจารณาไม่ให้ประมูลงานหรือยื่นรับงานอีกต่อไป

ทั้งนี้ มาตรการที่เริ่มใช้ได้ทันทีระหว่างรอมาตรการสมุดพกผู้รับเหมาบังคับใช้นั้น คือพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 หมวด 12 มาตรา 109 นำไปสู่ลักษณะเป็นการทิ้งงาน แต่อย่างไรก็ตามยังต้องดุลยพินิจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการตัดสินซึ่งต่างจากมาตรการสมุดพก หากเริ่มบังคับใช้ จะมีเงื่อนไขที่ชัดเจนในการตัดสินการลงโทษผู้กระทำความผิดทันที

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า กระทรวงคมนาคมและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย พร้อมที่จะดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ได้เร่งทำมาตรการ “สมุดพกผู้รับเหมา” ให้แล้วเสร็จพร้อมบังคับใช้ได้ทันทีภายในเดือนเมษายน 2568 จากเดิมที่คาดแล้วเสร็จช่วงเดือนกรกฎาคม 2568

“มั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวจะใช้ได้ผลอย่างแน่นอน เนื่องด้วยหากมีผู้รับเหมากระทำผิด และโดนหักคะแนน จะไม่รับงานได้อีก ซึ่งมีผลต่อผลประกอบการบริษัทรายนั้น และส่งผลเชิงลบต่อการรับงานที่อื่น ๆ อีกด้วย”นายสุริยะกล่าว