รอฟื้น! “SCB“ ชี้จีดีพี ปี‘68 ขยายตัว 2.5-3% ลั่นไม่แย่กว่าปีก่อน

รอฟื้น! “กฤษณ์” ซีอีโอ SCB ชี้จีดีพีขยายตัว 2.5-3% ลั่นไม่แย่กว่าปีก่อนแน่ หลังรัฐบาลจัดงบฯ ปั๊มเศรษฐกิจเต็มที่ ลุ้น ”แบงก์ชาติ“ ลดดอก 1 ครั้งปีนี้

วันนี้ (25 ก.พ.68) นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า มองว่าเศรษฐกิจปี 2568 จะขยายตัว 2.5-3% จะไม่แย่ไปกว่าปีที่แล้ว สาเหตุเพราะพิจารณางบประมาณภาครัฐบาลจะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ จากนโยบายเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ เครื่องยนต์เศรษฐกิจที่เป็นเสาหลัก ทั้งภาคท่องเที่ยว อาหาร โลจิสติกส์ ยังเป็นโอกาสของไทย แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับภูมิรัฐศาสตร์ แต่เชื่อว่าตัวหลักจะทำให้ไทยยืนระยะได้จากปัจจัยเหล่านี้

ขณะเดียวกัน การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการประชุมวันที่ 26 ก.พ.68 ว่าจะเป็นอย่างไรยังคาดเดาไม่ได้ แต่ถ้าไม่ลดดอกเบี้ยครั้งนี้ มองว่าปีนี้ควรจะมีการลดดอกเบี้ยขั้นต่ำ 1 ครั้ง เพราะมีโอกาสและจังหวะสามารถทำได้

“มาตรการทางการเงินและการคลังสอดรับกันอย่างดี และมีความสำคัญ มีความจำเป็นที่ต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับมาอุ่นขึ้น เพื่อดึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยก็มีความสำคัญ“นายกฤษณ์กล่าว

นายกฤษณ์กล่าวว่า ภาพรวมสถาบันการเงินไทยอยู่ในระบบใกล้เคียงกัน ซึ่งการขยายตัวของสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ดังนั้น จะเห็นว่าการเติบโตไม่ได้สูงมากนัก

“มีโอกาสปรับ LTV หรือกฎเกณฑ์จากแบงก์ชาติ ทำให้การปล่อยสินเชื่อมากขึ้นก็มีความเป็นไป อย่างไรก็ตาม ทุกสถาบันการเงินระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ“ นายกฤษณ์กล่าว

นายกฤษณ์กล่าวว่า สินเชื่อปี 2568 ของธนาคารยังเติบโตระดับต่ำ หรือเติบโตตัวเลขหลักเดียว จะเห็นการขยายตัวในกลุ่มลูกค้าบรรษัทขนาดใหญ่ กลุ่มธุรกิจรายย่อยบางกลุ่มที่เป็นซัพพลายเชนของลูกค้าบรรษัทขนาดใหญ่ และมีบางเซ็กเมนต์กลุ่มสินเชื่อบ้านยังไปต่อได้ โดยเฉพาะกลุ่มบ้านราคา 5 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) รวมกับเศรษฐกิจไทย เทียบรายไตรมาส 4/2567 และไตรมาส 1/2568 ยังอยู่ในระดับที่ไม่แตกต่างแต่มีความเสี่ยง ขณะที่ผลจากโครงการคุณสู้ เราช่วย ยังไม่เห็น เพราะระยะการทำโครงการยังสั้นในการประเมิน ซึ่งธนาคารพยายามให้กลุ่มลูกค้าที่เข้าเงื่อนไขเข้าร่วมโครงการ

“ธนาคารไทยพาณิชย์มีเป้าหมายให้กลุ่มเงื่อนไขโครงการเกิน 50% หมายถึงว่าผู้ลงทะเบียน 100% ธนาคารจะทำให้ 50% สมัครเข้าสู่โครงการ เป็นเป้าหมายขั้นต่ำที่จะทำให้สัมฤทธิ์ผล“ นายกฤษณ์กล่าว

นายกฤษณ์กล่าวว่า การลงทุนในภาพรวม ซึ่งสิ่งที่เป็นปัจจัยส่งผลกระทบ โดยเฉพาะปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงผู้นำสหรัฐฯ คือ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี ทำให้พลวัตนั้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกที่มีทั้งผลบวกและลบ ที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ ต้องดูโจทย์การลงทุนว่าไม่อยากให้ปิดโอกาสการลงทุนแค่ในไทย ควรจะมองการลงทุนไปต่างประเทศ ที่ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าสามารถรับความเสี่ยง และความต้องการผลกำไรที่จะมาเร็วหรือช้าได้แค่ไหน ซึ่งธนาคารพร้อมสนับสนามลูกค้า