เอกชน ไล่บี้ “รัฐบาล” ย้ำเพิ่มโทษหนัก โกงคอร์รัปชั่น-เอื้อจีนเทา

เอกชน ไล่บี้ “รัฐบาล” ชี้ปัญหาไม่ได้มีแค่ “สหรัฐฯ-จีน” แต่ต้องไล่ปราบโกงคอร์รัปชั่น-เอื้อทุนจีนเทา ลั่นต้องเพิ่มโทษให้หนัก พร้อมย้ำเลิกทำ “นโยบายประชานิยม” ไม่คุ้มค่าต่อเศรษฐกิจ

วันนี้ (10 เม.ย.68)นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นส่วนตัวระบุว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเวลานี้ ไม่ใช่เพียงต้องมาแก้ไขปัญหากับสหรัฐ หรือ ปัญหา การทะลัก เข้ามาของสินค้า (ทั้งมีคุณภาพและด้อยคุณภาพ ) และ ทุนจีน *ทั้ง ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย รวมทั้ง การผ่านนอมินี่ ) ที่มาถล่มผู้ผลิตในเมืองไทย ตลอดจนการสวมสิทธิ์ การส่งออก จากประเทศไทยเท่านั้น

แต่เราต้องเดินหน้า เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทั้งด้านต้นทุนการผลิต เช่น ต้นทุนพลังงาน รวมทั้งการตลาด เช่น เร่งเจรจาการค้า และ เจรจา FTA กับประเทศอื่นควบคู่ไปด้วย

ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเร่งปรับโครงสร้างภาคการผลิตจากจุดแข็งของประเทศ เช่น การแปรรูปสินค้าเกษตร สู่อาหารและพลังงาน, การผลักดันอุตสาหกรรมใหม่ๆที่ต้อง Transform จากเดิม ,ลดการนำเข้า สินค้าที่สามารถผลิตในประเทศได้/ โครงสร้างภาคการขนส่ง ทั้งทางราง และทางน้ำ , โครงสร้างการตลาด ที่สมดุล ไม่ผูกขาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และความร่วมมือกันในภูมิภาคอาเซียน เช่น โครงสร้างการค้าชายแดน คู่ขนานตามไปด้วยเช่นกัน

รวมทั้ง ที่สำคัญคือ การปราบทุจริตคอรัปชั่นตลอดจนลงโทษ ผู้ เอื้อประโยชน์ให้ทุนเทา และการกระทำผิดกฎหมายใดๆ ไม่ออกนโยบายที่เป็นประชานิยมและ ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ แน่นอนครับ ในวิกฤติ ก็จะมีโอกาสด้วยเสมอ

อยู่ที่ว่า ผู้บริหารบ้านเมือง จะมองเห็นโอกาสเหล่านั้นหรือไม่ เท่านั้น

ฝ่ายการเมืองที่มีอำนาจในการกำหนดนโยบาย รวมถึงกลุ่มองค์กรผลประโยชน์ ที่มีอิทธิพลต่อการผลักดันนโยบายต่อฝ่ายการเมือง ต้องรับฟังข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ จากทุกฝ่าย

เพื่อนำมาสร้างโอกาสจากวิกฤตที่เป็นอยู่เวลานี้ อย่างตั้งใจ. ขอบคุณครับ อิศเรศ ร. 10 เม.ย.68