เฟทโก้ รอ “พิชัย” ปักวันนัดถกแนวทางฟื้นตลาดหุ้นไทย

“เฟทโก้” รอ “พิชัย” ปักวันนัดหารือแนวทางฟื้นตลาดหุ้นไทย แนะหาบริษัทศักยภาพคลอดโปรดักส์ใหม่ๆ หวังดึงนักลงทุนดันตลาดหุ้นโต ยกโมเดลหุ้น 7 นางฟ้า “สหรัฐฯ” หากทำได้หุ้นไทยปังแน่

วันนี้ (17 ก.พ.68) นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (เฟทโก้) เปิดเผยว่า เฟทโก้ได้ส่งหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพื่อขอนัดหมาย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการตอบกลับ เพื่อสรุปวันนัดหมายจากทางเจ้าหน้าที่หน้าห้องรองนายกรัฐมนตรี

นายกอบศักดิ์กล่าวว่า พร้อมกันนี้เฟทโก้ได้นัดสมาชิกทั้ง 7 องค์กร ร่วมหารือผ่านระบบออนไลน์ในวันที่ 18 ก.พ.68 เพื่อเตรียมเสนอวาระต่างๆ ให้กระทรวงการคลังพิจารณา อาทิ เรื่องขอต่ออายุกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) เรื่องการฟื้นกองทุนทุนหุ้นระยะยาว (LTF) กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน 2 (Thai ESG 2) รวมถึงมาตราการที่จะช่วยปรับปรุงตลาดหุ้นไทยให้กลับมามีเสน่ห์อีกครั้ง

สำหรับเรื่อง LTF ทางเฟทโก้พร้อมหารือกับกระทรวงการคลัง ถึงแนวทางและการผลักดัน จากที่ประเมินเบื้องต้นมองว่ามี 2-3 ทางเลือกที่ทำได้ อย่างแรกคือการตั้งกองทุน Thai ESG 2 ขึ้นมา เน้นหุ้นไทยเป็นหลัก เฟทโก้สนับสนุนมองเป็นเรื่องที่ดี สำหรับแผนนี้สามารถดำเนินการได้เลย เนื่องจากอุตสาหกรรมมีกองทุน ESG อยู่แล้ว หากตั้งกองทุนนี้ขึ้นมาเพื่อให้เหมือน LTF จะต้องเน้นหุ้นไทยเป็นสำคัญ ตัวเงื่อนไขต้องเหมือน ETF (Exchange Traded Fund) และเน้น ESG เพราะนักลงทุนปัจจุบันให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้มากขึ้น ทั้งนี้ คงต้องปรึกษากับทางรัฐบาลดูอีกครั้ง

“ชื่อเรียกอย่าไปกังวลใจมาก เป็นว่าแนวคิดตรงกันกับทุกคน อยากให้เป็นหุ้นมากหน่อย และเป็น ESG ด้วย ด้วยกฎเกณฑ์ ESG มีอยู่แล้วสามารถเดินหน้าได้เลยเพียงแต่เพิ่มเกณฑ์ให้มีหุ้นไทยให้มากขึ้น“นายกอบศักดิ์ กล่าว

โดยกองทุนนี้สามารถรับ LTF กองเดิมได้เลย หากต้องการใช้สิทธิทางภาษี เรื่องนี้ต้องหารือกับกระทรวงการคลังว่าจะมีรูปแบบไหน ประเด็นที่สำคัญ คืออยากให้มีสิทธิทางภาษีได้หรือไม่ ถ้าใช้ได้ก็แปลงมายังกองนี้ได้เลย จะทำให้มีเงินเข้ามาด้วย ในใจอยากให้ทำกองใหม่ ขายเข้ากองพร้อมรับสิทธิทางภาษี ปกติกองทุนสลับกองได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าได้รับสิทธิทางภาษีหรือไม่

นายกอบศักดิ์กล่าวอีกว่า ถ้าอยากให้ตลาดหุ้นไทยเติบโตอย่างยั่งยืน สิ่งสำคัญที่สุดคือการหาโปรดักส์ใหม่ โดยหาบริษัทที่มีศักยภาพใหม่ๆ เข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่ม อย่างตลาดหุ้นสหรัฐฯที่มีการเติบโตดี เพราะมีหุ้นใหม่อย่างหุ้น 7 นางฟ้ารวมถึงหุ้นใหม่อื่นๆ ที่เข้ามาระดมมากขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯมีมาร์เก็ตแคปใหม่หนุนดัชนี

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยย้อนดูเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา หุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่และมีอิทธิพลต่อตลาดยังคงเป็นหุ้นกลุ่มเดิม ทำให้มีอัพไซส์ไม่มาก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานอยู่ในช่วงขาลง ยิ่งกดดันตลาดฯ เนื่องจากกลุ่มพลังงานรวมมีสัดส่วนถึง 30% ของตลาดฯ ทำให้ดัชนีและมาร์เก็ตแคปยากที่จะเพิ่มขึ้นได้

ทั้งนี้ การทำให้เกิดภาพใหม่ของตลาดหุ้นไทย ต้องมีมาตรการเพิ่มกลุ่มสตาร์ทอัพไทยแล้วทำให้เกิดอุตสาหกรรมแห่งอนาคต นำเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีหลายแบบในการสนับสนุนกลุ่มนี้ หรือให้สตาร์ทอัพต่างประเทศมาใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการเจาะตลาดเอเชีย โดยแก้กฎเกณฑ์ หากทำได้จะช่วยดึงดูดกลุ่มเหล่านี้เข้ามาลงทุนในไทยและชักชวนให้ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยได้มากขึ้น

“หัวใจที่สำคัญที่สุด คือ ไทยต้องมีมาร์เก็ตแคปแบบใหม่ นอกจากนี้ ไทยควรขับเคลื่อนปัจจัยพื้นฐานของประเทศ โดยการสนับสนุนให้โครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ให้ได้”นายกอบศักดิ์กล่าว