“EIC” ชี้ซื้อหนี้ ปชช. ต้องคิดรอบคอบ หวั่นภาระคลังพุ่ง หนุนคนเบี้ยวหนี้

คิดให้แตก! “SCB EIC” ชี้แนวคิดซื้อหนี้ ปชช. ต้องคิดรอบคอบ หวั่นภาระคลังพุ่ง หนุนคน “เบี้ยวหนี้” แนะแก้หนี้ยั่งยืน ”รัฐ“ ปั๊มเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้เข้ากระเป๋า ”คนไทย“

วันนี้ (18 มี.ค.68) นายยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืน ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีแนวความคิดให้มีการซื้อหนี้ของประชาชนออกจากระบบธนาคาร โดยให้ภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุน นั้น

นายยรรยง กล่าวว่า เข้าใจว่าทุกภาคส่วนช่วยกันแก้ไขปัญหาหนี้ โดยหลักการถ้าจะให้การแก้หนี้มีความยั่งยืน คือการเพิ่มรายได้ และเพิ่มความสามารถในการก่อหนี้ โดยต้องควบคู่กับมาตรการให้ความช่วยเหลือ เช่น โครงการคุณสู้ เราช่วย

นอกจากนี้ ภาคการเงินยังได้ช่วยประคับประคองลูกหนี้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ เนื่องจากการแก้หนี้ครั้งนี้เป็นหนี้รายย่อย ที่มีมูลค่าหนี้สูง แตกต่างจากปี 2540 ที่เป็นหนี้ธุรกิจรายใหญ่ ที่มูลค่าหนี้น้อยกว่า ถือว่าเป็นเรื่องยาก

“แนวคิดการรับซื้อหนี้ประชาชน ต้องขอรอดูความชัดเจนของแนวคิดนี้ก่อนว่ามีรายละเอียดอย่างไร ซึ่งกรอบที่สำคัญต้องมองให้ครบลักษณะบูรณาการถึงผลกระทบต่างๆ”นายยรรยงกล่าว

เช่น ที่มาของเงินอาจเป็นภาระทางการคลังได้ และสิ่งที่ต้องระวังเลยคือการเกิด Moral Hazard (เจตนาเบี้ยวหนี้) ซึ่งต้องหาจุดสมดุลที่ดีในการช่วยเหลือลูกค้า และต้องเป็นมาตรการที่ให้การยื้อเวลาหนี้ออกไปสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามีลูกหนี้บางส่วนไปต่อไม่ไหว ซึ่งมาตรการที่ออกมาอาจต้องใช้นโยบายแบบเฉพาะจุด และอาจต้องมีการปฏิรูปบางอย่าง เช่น เรื่องในชั้นศาล เป็นต้น เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้มีโอกาสเริ่มต้นใหม่ได้

ขณะเดียวกัน รัฐบาลควรมีมาตรการระยะสั้นควบคู่กับมาตรการระยะยาว เพื่อให้ธุรกิจไทยมีความสามารถทางการแข่งขัน นำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ การลดหลักเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน และต้องมีการสื่อสารที่ดี เพื่อให้นักลงทุนและผู้ประกอบการได้มีการวางแผนไปในทิศทางเดียวกันได้

ทั้งนี้ ประเมินนโยบายการเงิน คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ เป็นในเดือน มิ.ย. 1 ครั้ง และครึ่งหลังปีนี้อีก 1 ครั้ง จะทำให้ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.5% ในปี 2568 จากปัจจุบัน 2%