พิชัย ลุยสหรัฐ ถก USCC – USABC ดึง 26 บ.เอกชน ลงทุนไทย

พิชัยเดินหน้า ลุยสหรัฐ ถกสภาหอการค้าสหรัฐ USCC – USABC ดึง 26 บ.เอกชน ลงทุนไทย

ลุยต่อเนื่อง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลุยสหรัฐ ถก USCC – USABC พบภาคเอกชนยักษ์ใหญ่กว่า 26 บริษัท ชูจุดแข็ง FTA -โครงสร้างพื้นฐานพร้อม ดึงดูดลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ เผยหลังการหารือกับภาคเอกชนชั้นนำของสหรัฐฯ ประกอบด้วย คณะนักธุรกิจจากสภาหอการค้าสหรัฐฯ (US Chamber of Commerce – USCC) และสภาธุรกิจสหรัฐฯ–อาเซียน (US-ASEAN Business Council – USABC) ณ สำนักงาน U.S. Chamber of Commerce กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา มุ่งขยายการค้าและการลงทุนของไทย ในฐานะพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ภูมิภาคอินโดแปซิฟิก มีจุดแข็งที่เอื้อต่อการลงทุน อาทิ โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรม Data Center และ AI ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เช่น Google, Microsoft และ Amazon เข้ามาลงทุนในไทยแล้ว

“นายพิชัย กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสพบกับหอการค้าสหรัฐฯ USCC และสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ USABC ซึ่งในการหารือมีภาคเอกชนกว่า 26 บริษัทมาพบกับตน ทุกคนต่างก็ให้ความสนใจในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทางรัฐบาล และกระทรวงพาณิชย์ก็พยายามส่งเสริมการค้า-ลงทุน และในการพบกับภาคเอกชนรายใหญ่ทั้ง 26 บริษัท เช่น  Pepsi, Tyson Food, Apple และ Cargill ต่างมีความต้องการขยายการลงทุนกับไทย เพราะไทยเป็นหุ้นส่วนที่ดี ทางกระทรวงพาณิชย์ได้เชิญชวนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยอาศัยข้อได้เปรียบของไทย จากข้อตกลง Treaty of Amity ที่ให้สิทธิพิเศษแก่ธุรกิจสหรัฐฯ สามารถถือหุ้น 100% ในไทย ซึ่งเป็นสิทธิที่ไทยไม่เคยมีให้กับประเทศอื่น และทางภาคเอกชนของสหรัฐฯ ก็ยินดีที่ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการทำ FTA กับเอฟตา (สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป ที่มีสมาชิก 4 ประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตล์) ซึ่งไทยเองก็มีแผนที่จะทำ FTA กับอีกหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร และโดยเฉพาะกับอียู ที่มีสมาชิกอีกกว่า 27 ประเทศ โดยท่านนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) เร่งรัดให้สำเร็จภายในปีนี้ และเชื่อว่าภาคเอกชนสหรัฐฯ จะเข้ามาลงทุนมากขึ้นอย่างแน่นอน”

การหารือในครั้งนี้ นายพิชัยได้เน้นย้ำไปที่ โอกาสทางเศรษฐกิจของไทยที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2567 ประเทศไทยมีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนปี 2567 มูลค่ากว่า 1.13 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี การส่งออกโตปี 2567 โตถึง 5.4 % พร้อมชูความพร้อมของไทยในการเป็นศูนย์กลาง Data Center, AI และอุตสาหกรรมอาหาร โดยภาคเอกชนสหรัฐฯ ยังคงจับตานโยบายการค้าของรัฐบาลตนเอง และมุมมองของภาคเอกชนสหรัฐฯ ต่อไทยยังคงเป็นบวก โดยเห็นว่าไทยเป็นพันธมิตรที่สำคัญ และเป็นฐานการผลิตที่ดีในภูมิภาคดังนั้น ตนจึงได้เชิญชวนบริษัทสหรัฐฯ ให้เข้ามาลงทุนเพิ่มเติมในอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น เวชภัณฑ์ พลังงาน ดิจิทัล และเกษตรอาหาร ซึ่งกระทรวงพาณิชย์พร้อมให้การสนับสนุนในด้านนโยบายและสิทธิประโยชน์ต่างๆ อย่างเต็มที่ ในการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสหรัฐฯ

26 บริษัท หารือกับหอการค้าสหรัฐฯ (USCC) สภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ (USABC)

Nasdaq, FedEx, The Asia Group, PepsiCo, IBM, Mars, Citi, Organin, Intel, Vriens & Partners, ConocoPhillips, Caterpillar, Seagate, Tyson Food, Apple, DGA-Albright, Stonebridge Group, BowerGroupAsia, S&P Global, Visa, Boeing, Dow, Cargill, 3M และ Viatris

เมื่อปี 2567 สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทย (รองจากจีน) ซึ่งมีมูลค่าการค้ารวม 74,484.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 54,956.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น คอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ยางอัญมณี รถยนต์ และเครื่องปรับอากาศ และไทยนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 19,528.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีสินค้านำเข้าสำคัญ เช่น น้ำมันดิบ เครื่องจักรกล และเคมีภัณฑ์