รัฐบาล ร่อนจดหมาย “แบงก์ชาติ” ย้ำถึงเวลาลดดอกเบี้ย

จับตาวันนี้! “แบงก์ชาติ” ประชุมนัดแรกเคาะดอกเบี้ย ลุ้นจะ “คง” หรือ “ลด” หลัง “รัฐบาล” ร่อนจดหมายขอ “ธปท.” ย้ำถึงเวลาลดดอกเบี้ย

วันที่ 25 ก.พ.68 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ได้มีการส่งหนังสือโดยตรง ถึงธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ‘แบงก์ชาติ’ เป็นความเห็นเกี่ยวกับการทำนโยบายการเงิน ที่จะต้องคำนึงถึงกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3% รวมทั้งต้องสอดคล้องกับนโยบายการคลังด้วย ทั้งนี้ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

นายเผ่าภูมิกล่าวว่า รัฐบาลคาดหวังว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันพรุ่งนี้ (26 ก.พ.) จะมีมติ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ซึ่งหากเป็นไปในทิศทางดังกล่าว ก็น่าจะเป็นสัญญาณที่ดี

ส่วนจะปรับลดลงเท่าใดถึงจะเพียงพอทำให้อัตราเงินเฟ้อของประเทศปรับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3% นั้น ต้องให้เป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบที่จะพิจารณา และดูหลายปัจจัยในขณะนั้นประกอบกัน เช่น เมื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแล้ว อัตราเงินเฟ้อเป็นอย่างไร ,อัตราแลกเปลี่ยนเป็นอย่างไร และการเติบโตของเศรษฐกิจเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 ในการส่งความเห็นของ ‘ครม.’ ตรงถึง ‘แบงก์ชาติ’ เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินของแบงก์ชาติ ที่จะต้องสอดคล้องกับกรอบเงินเฟ้อ สอดคล้องกับนโยบายการคลัง ไม่ใช่ว่านโยบายการคลังขาเดียว จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างมีพลัง ดังนั้น ทั้ง 2 ขาต้องช่วยกัน

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยแต่ละครั้ง มีส่วนสำคัญและเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจค่อนข้างมาก โดยช่วยให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเคลื่อนตัวได้ มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน การขยับอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากนโยบายการเงินมีขนาดใหญ่ ดังนั้นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแต่ละครั้ง จึงมีผลบวกต่อเศรษฐกิจค่อนข้างมาก

ส่วนกรณีที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ แนะให้ กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ เพื่อเป็นการเก็บกระสุนนโยบายการเงินสำหรับรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตนั้น นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ปัจจุบันช่องว่างของนโยบายทางการเงินของไทย ยังเหลือเฟือ ยังไม่ต้องประหยัดมาก จึงยังมีช่องว่างเพียงพอที่จะสามารถลดอัตราดอกเบี้ยลงได้อีก

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาถึงอัตราเงินเฟ้อของไทยในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในระดับต่ำมานาน และยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย เป็นข้อเท็จจริงที่ต้องยอมรับว่า เงินเฟ้อของไทยต่ำมาก และต่ำเกินไป

“ช่องว่างนโยบายการเงินของเรายังเหลือเฟือ ยังไม่ต้องประหยัดมาก ที่ผ่านมา เราชอบทำอะไรกันช้าไป แล้วมาทำกันทีหลัง ผลมันก็จะไม่ทันการ ส่วนจะลดเท่าไร ลดกี่ครั้ง ไม่ได้อยากไประบุถึงขนาดนั้น ต้องปล่อยให้เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ แต่วันนี้ ครม. ก็มีความเห็นชัดเจน ว่าการดำเนินนโยบายการเงิน ควรคำนึงถึงกรอบเงินเฟ้อ คำนึงถึงความสอดคล้องกับนโยบายการคลัง” นายเผ่าภูมิ กล่าว