ดีอี ฟุ้งเศรษฐกิจดิจิทัลโตแรง ปี’68 โกยมูลค่าพุ่ง 4.85 ล้านล้าน

เกินต้าน! “ดีอี” เผยเศรษฐกิจดิจิทัลโตแรง คาดปี 2568 มูลค่าทะลุ 4.85 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.6 เท่า ของจีดีพีประเทศ โวดึงเม็ดเงินลงทุนพุ่ง ในบริการคลาวด์-ดาต้าเซ็นเตอร์ หนุนเศรษฐกิจขยายตัว

วันนี้ (19 มี.ค.68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจดิจิทัลปี 2568 พบมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลโดยรวม จะมีมูลค่า 4.85 ล้านล้านบาท มีการขยายตัว 7.3% จากปี 2567 และคิดเป็นการขยายตัว 2.6 เท่า ของการขยายตัวของมูลค่าจีดีพีโดยรวมที่เพิ่มขึ้น 2.8% แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจดิจิทัลขยายตัวสูง และเป็นหนึ่งในภาคเศรษฐกิจที่ สนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศให้ ขยายตัวมาโดยตลอด

ทั้งนี้ ในด้านการลงทุนดิจิทัลคาดว่าจะขยาย 9.9% คิดเป็น 2.7 เท่า ของการลงทุนโดยรวมที่จะขยายตัว 3.6% โดยกระทรวงดีอีเองมุ่งมั่นที่จะยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ และผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้ขยายตัวด้วยเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเฉพาะการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนด้านบริการคลาวด์ ด้านดาด้า เซ็นเตอร์ และด้านเทคโนโลยีดิจิทัลอื่น ๆ โดยเชื่อว่าจะเป็นแรงผลักดันสำคัญให้เศรษฐกิจดิจิทัลขยายตัวสูงในปีนี้

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ คณะกรรมการดีอี ได้สรุปประมาณการเศรษฐกิจดิจิทัล ปี 2568 ที่จัดทำขึ้นภายใต้สมมติฐาน ปัจจัยสนับสนุน ข้อจำกัด และความเสี่ยง โดยมีผลประมาณการที่สำคัญ เช่น

1.สมมติฐานเพื่อการประมาณการเศรษฐกิจดิจิทัล 2568 เศรษฐกิจโลก ขยายตัว 3.3% เศรษฐกิจไทย ขยายตัว 2.8% การใช้จ่ายดิจิทัลภาครัฐขยายตัว 3.5% การลงทุนภาครัฐด้านดิจิทัล ขยายตัว 3.5% การลงทุนภาคเอกชนด้านดิจิทัล ขยายตัว 10.3%

ทั้งนี้ มีปัจจัยสนับสนุน การลงทุนจากต่างประเทศด้านดิจิทัลอาทิ คลาวด์ และดาต้า เซ็นเตอร์ และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) นโยบายรัฐบาล Cloud First Policy นโยบายที่จะดันไทยให้เป็นดิจิทัลฮับและการเร่งรัดสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล กระแสการใช้ AI และการปรับตัวของภาคเอกชนในการใช้ AI การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการของคนไทยและนักท่องเที่ยงต่างชาติที่ใช้การชำระเงิน ใช้บริการผ่านระบบดิจิทัลมากขึ้น

สำหรับข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยง การผันผวนทางการเมือง และการค้าโลก ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามในภูมิภาคต่าง ๆ ข้อจำกัดในการรองรับการลงทุนของประเทศ โดยเฉพาะด้านพลังงานสะอาด ด้านบุคคลกร เพื่อรองรับการลงทุนจากต่างประเทศ และการแข่งขันในการดึงดูดการลงทุนด้านดิจิทัลในภูมิภาค

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ คณะกรรมการดีอี

นายเวทางค์ กล่าวว่า การบริโภคภาคเอกชนในด้านดิจิทัลในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัว 7.6% จากปี 2567 สูงกว่าการขยายตัวของการบริโภคโดยรวมของประเทศที่เท่ากับ 3.3% ทั้งนี้จากพฤติกรรมของผู้บริโภค ชาวไทยที่ซื้อบริการผ่านแพลต์ฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น สำหรับการอุปโภคภาครัฐด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ขยายตัว 4.3% จากพัฒนาระบบบริหารงาน และการให้บริการผ่านแพลต์ฟอร์มและช่องทางออนไลน์มากขึ้น

สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการด้านดิจิทัลในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัว 5.5% จากปี 2567 จากการความต้องการสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในระดับสูง การเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า การปรับตัวเข้าสู่บริการดิจิทัลของภาคธุรกิจต่าง ๆ การตื่นตัวต่อการพัฒนาเทคโนโลยี AI

และการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่นิยมใช้บริการจองห้องพัก การเดินทาง และบริการด้านการท่องเที่ยวผ่านแพลต์ฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ความต้องการผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ส่งผลให้ความต้องการนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำมาผลิตสินค้าภายในประเทศเพิ่มขึ้น 5.3% จากปี 2567

“ศักยภาพของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลของไทย และการดำเนินนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศของรัฐบาล เป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศให้ขยายตัวสูง โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI จึงคาดเศรษฐกิจดิจิทัลปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา และเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้ขยายตัว” นายเวทางค์กล่าว