คนไทยพร้อมมั๊ย? ถ้าให้ต่างชาติเช่าที่ดินนาน 99 ปี ซื้อคอนโดฯ ได้ 75%

รัฐบาลทบทวนหลักเกณฑ์-กฎหมายอสังหาฯ เปิดโอกาสต่างชาติช็อปคอนโดฯ 75% เช่ายาว 99 ปี

กำลังเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก กรณีที่รัฐบาลเล็งรื้อ กม.อสังหาฯ

ให้ต่างชาติเช่าที่ดินได้นาน 99 ปี และสามารถซื้อคอนโดฯ ได้ 75%

วันนี้ (24 มิ.ย.67) จากประเด็นร้อนเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ เมื่อรัฐบาลมีแนวทางจะรื้อหลักเกณฑ์และข้อกฎหมาย 2 เรื่อง คือทบทวนหลักเกณฑ์และกฎหมายการให้สิทธิต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (คอนโดมิเนียม) จากเดิมไม่เกิน 49% เป็นไม่เกิน 75% และและเปิดให้เช่าได้ไม่เกิน 99 ปี ขยายเวลาจากเดิม 50 ปี เรื่องนี้กำลังถูกวิจารณ์อย่างแพร่หลาย เพราะอาจส่งผลกระทบต่อคนไทยระยะยาว

ภายหลังจากเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ นร 0503/12790 ลงวันที่ 20 มิ.ย.67 ถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) เพื่อรับทราบข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.67 เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับมหภาค เพื่อดึงดูดนักลงทุนขนาดใหญ่ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุม ครม. วันดังกล่าว

ซึ่งได้มีข้อสั่งการในที่ประชุม ครม. ขอให้กระทรวงมหาดไทย ศึกษาความเป็นไปได้ ดังต่อไปนี้

1.การพิจารณาทบทวนการกำหนดระยะเวลาของทรัพย์อิงสิทธิตามพระราชบัญญัติทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ.2562 โดยกำหนดให้ทรัพย์อิงสิทธิมีกำหนดเวลาได้ไม่เกิน 99 ปี ซึ่งเป็นการขยายเวลาจากเดิม 50 ปี และสามารถต่ออายุได้ 1 ครั้ง รวมเป็น 100 ปี ขณะที่ทางปฏิบัติจะนิยมทำสัญญาช่วงระยะเวลา 30 ปี และมีการต่ออายุต่อไปตามกฎหมาย

2.การพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้สิทธิคนต่างด้าวสามารถถือกรรมสิทธิในห้องชุด จากเดิมไม่เกิน 49% เป็นไม่เกิน 75% โดยมีเงื่อนไขที่เกินมา 49% ต้องสละสิทธิ์การออกเสียงใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของนิติบุคคลอาคารชุด และกำหนดเนื้อที่ไม่เกิน 5 ไร่ต่อ 1 อาคารชุด ที่ต่างชาติถือครองได้ 49-75% เพื่อมิให้เกิดการถือครองที่ดินทางอ้อม

อย่างไรก็ตาม แม้การดำเนินการดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ว่าเหมาะสมหรือไม่ หรือมีข้อดีข้อเสียอย่างไร โดยรัฐบาลได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) ดำเนินการเร่งรัดศึกษาหาข้อสรุป ย้ำว่ายังไม่มีการดำเนินการจัดการ เป็นเพียงการนำมติ ครม. มาดำเนินการและรายงานต่อ ครม.ต่อไป

กลับกันด้วยกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมว่าการดำเนินการทบทวนกฎหมายดังกล่าวจะทำให้คนไทยได้รับผลกระทบจากการเข้ามาของชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เรื่องการเช่าระยะยาวก็มีกฎหมายเดิมอยู่แล้วที่ 30 ปี หรือเป็น 50+50 แต่ถ้าทำเป็น 99 ปีจะดีกว่า ซึ่งไม่ได้ซื้อขายขาด และในทุกประเทศก็มีให้เช่า 150 ปี ของไทยปรับเป็น 99 ปี ถือว่าเหมาะสม

“การถือครองคอนโดของชาวต่างชาติจาก 49% เป็น 75% ตรงนี้ต้องลงรายละเอียดคือคนที่มีสิทธิ์โหวตให้นิติบุคคลทำอะไรต่างๆ ได้อยู่แค่ 49% แสดงว่าคนไทยยังเป็นใหญ่ เพราะยังถืออยู่ 51% แต่การขึ้นจาก 49% ไปเป็น 75% ส่วนต่าง 26% เป็นส่วนที่ไม่มีสิทธิ์ออกเสียงโหวต ทำได้แต่เข้าไปอยู่อาศัยเท่านั้น ย้ำว่าไม่ได้เอื้อนายทุนต่างชาติหรือไม่ คิดว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเรื่องการเช่าระยะยาวมีอยู่แล้ว”นายเศรษฐา กล่าว

ทั้งนี้ จากรายงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผยภาพรวมการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติในไตรมาส 1 ปี 2567 พบว่า มีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติ 3,938 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 16.7% ของหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั่วประเทศ มีจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 4.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

โดยมีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 18,013 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 28.6% ของมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั่วประเทศ มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ตั้งข้อสังเกตว่าไตรมาส 1 ปี 2567 เป็นช่วงที่มีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติมากที่สุดในรอบ 25 ไตรมาส (ไตรมาส 1/2561-ไตรมาส1/2567) และมีสัดส่วนเมื่อเทียบกับหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั่วประเทศที่สูงสุดในรอบ 25 ไตรมาสเช่นกัน

โดยรายงานว่าสัญชาติ 5 สัญชาติแรกที่ซื้อคอนโดมากที่สุดในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 ประกอบด้วย 1.จีน จำนวน 1,596 หน่วย มูลค่า 7,570 ล้านบาท 2.เมียนมา จำนวน 392 หน่วย มูลค่า 2,207 ล้านบาท 3.รัสเซีย จำนวน 295 หน่วย มูลค่า 924 ล้านบาท 4.สหรัฐฯ จำนวน 164 หน่วย มูลค่า 919 ล้านบาท และ 5.ไต้หวัน จำนวน 143 หน่วย จำนวน 680 ล้านบาท

ก็รอลุ้นว่าการทบทวนและรื้อกฎหมายใหม่นี้ของรัฐบาลจะเป็นอย่างไรต่อไป ทางที่ดีอาจจะช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่อาจต้องแลกด้วยการมีบ้านของคนไทยที่มีโอกาสน้อยลงหรือไม่


คลิปอีจันแนะนำ

เด็กไทย สุดเจ๋ง! คว้า 16 รางวัลระดับโลก