
วันนี้ (24 เม.ย.68) นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาทอง (96.5%) ขายปลีกในประเทศที่ปรับตัวลงมากในวันที่ 23 เม.ย. เกิดจากแรงเทขายทำกำไรของกองทุน หลังจากที่ราคาทองในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกรานต์ที่ผ่านมา
แต่ทิศทางขาลงน่าจะเป็นปรับตัวลงมาพักฐานในช่วงสั้น ๆ และปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในระยะกลางและระยะยาว เนื่องจากมีปัจจัยหนุนสำคัญในเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ในเร็ววันนี้
โดยหลังราคาปรับตัวทำนิวไฮต่อเนื่องจากแรงซื้อของนักลงทุนจากตลาดล่วงหน้าที่จ่ายเงินจริงแค่ 10% กองทุนก็ทุบทำกำไร แต่ราคาคงปรับตัวลดลงแค่ช่วงสั้น ๆ แล้วกลับมาฟื้นตัวขึ้นต่อ เพราะสงครามการค้าคงไม่จบลงได้ง่าย ๆ
สถานการณ์การซื้อขายในประเทศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยผู้ที่มาลงทุนซื้อเพิ่มอาจเห็นว่าเป็นจังหวะดีที่ราคาลดลง ส่วนผู้ที่นำออกมาขายอาจเกิดจากความตกใจที่ราคาปรับตัวลดลงเร็ว กลัวกำไรที่มีอยู่เมื่อตอนที่ซื้อไว้ช่วงสงกรานต์จะลดลงไปมากกว่านี้
“สำหรับผู้ที่ลงทุนซื้อทองเก็บไว้ไม่น่าจะส่งผลกระทบในระยะยาว เพราะเชื่อว่าราคาจะกลับมาฟื้นตัว โดยกำหนดแนวต้านไว้ที่ 3,600 ดอลลาร์/ออนซ์”นายจิตติกล่าว
สำหรับราคาทองคำในประเทศไทยปรับตัวขึ้นได้ไม่เต็มที่เท่าราคาทองคำโลก เนื่องจากแรงกดดันจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นค่อนข้างเร็ว (ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 1 บาท กดดันราคาทองคำไทยประมาณ 1,600 บาท ต่อทองคำหนัก 1 บาท) หากไม่ใช่เพราะเงินบาทแข็งค่า ราคาทองไทยน่าจะปรับขึ้นไปได้ไกลกว่านี้
ทั้งนี้ โอกาสราคาทองไทยจะแตะระดับ 60,000 บาทต่อบาททองคำในปีนี้อาจจะใกล้ๆ 57,000-58,000 บาท แต่ก็ยังไม่ปิดโอกาสหากสถานการณ์โลกยังคงคาดเดาไม่ได้และหนุนราคาทองคำโลกต่อไป รวมถึงหากค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่า