
มีประเด็นให้พูดถึงกันทุกวันจริงๆ สำหรับมาตรการสุดโต่งของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสายโหด ที่นอกจากจะไล่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายๆประเทศ ทำให้ปั่นป่วนกันไปทั่วทั้งโลก ล่าสุด ส่อแววจะไม่เอาใครมากกว่าเดิมอีก เพราะมีรายงานจากสื่อต่างประเทศระบุว่า ทรัมป์ เล็งที่จะหั่นงบกระทรวงการต่างประเทศ และปิดสถานทูตสหรัฐ ที่อยู่ใน 30 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งตัดงบช่วยเหลือที่เคยให้กับประเทศต่างๆลงไปด้วย
สื่อต่างประเทศรายงานตรงกันว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา เล็งที่จะลดงบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศ ลงถึงครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้กระทรวง อาจจำเป็นที่จะต้องปิดสถานทูตและสถานกงสุลของสหรัฐ ที่อยู่ในต่างประเทศ ลงไปกว่า 30 แห่ง และต้องตัดงบประมาณ เพื่อให้ความช่วยเหลือต่างประเทศลงไปพร้อมกันด้วย
สื่อดังอย่าง CNN ของสหรัฐ เปิดเผยข้อมูลที่อ้างว่า เป็นเอกสารภายในของกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ โดยระบุว่า เอกสารดังกล่าวแนะนำให้ปิดสถานทูต 10 แห่งและสถานกงสุล 17 แห่ง โดยตำแหน่งต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นในยุโรปและแอฟริกา แต่ก็รวมถึงในเอเชียและแคริบเบียนด้วย ซึ่งในจำนวนนี้ มีสำนักงานทูตสหรัฐฯ ในโซมาเลียและอิรัก ซึ่งเป็น 2 ประเทศที่มีความสำคัญต่อความพยายามต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐฯ และ “ปรับขนาด” ฐานทัพทางการทูตอื่นๆ รวมอยู่ด้วย
การเปลี่ยนแปลงที่เสนอนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์ว่าหน่วยงานการทูตของสหรัฐฯ จะต้องปฏิรูปครั้งใหญ่ เนื่องจากรัฐบาลทรัมป์ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกรมประสิทธิภาพรัฐบาล (Department of Government Efficiency) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอีลอน มัสก์ ได้พยายามลดขนาดรัฐบาลกลางอย่างจริงจัง แต่จนถึงขนาดนี้ ยังไม่มีคำตอบหรือความชัดเจนใดๆ ออกจากปากรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯเลย ว่าได้ลงนามอนุมัติการปิดหน่วยงานที่เสนอนี้หรือไม่
ถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง ต้องติดตามดูกันล่ะครับ ว่าจะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสหรัฐ กับประชาคมโลกมากน้อยแค่ไหน แล้วพลเมืองสหรัฐเอง จะมองเรื่องนี้ยังไง ติดตามกันต่อไปครับ