เอกชนเบาใจ “อุ๊งอิ๊ง” นั่งนายกฯ แจกโจทย์แก้ปัญหาเศรษฐกิจด่วน

เอกชนเบาใจ “อุ๊งอิ๊ง” นั่งนายกฯ ชี้รัฐบาลยังมั่นคง หนุนความเชื่อมั่นพุ่ง พร้อมแจกโจทย์แก้ปัญหาเศรษฐกิจด่วน

เป็นที่แน่นอนแล้วว่าประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คือ “อุ๊งอิ๊ง” หรือ แพทองธาร ชินวัตร ได้รับการโหวตท่วมท้นเห็นด้วย 319 เสียง และ ไม่เห็นด้วย 145 เสียง ซึ่งจากเสียงส่วนใหญ่ ทำให้รัฐบาลมีนายกฯคนที่ 31 อย่างเป็นทางการแล้ว

วันนี้ (16 ส.ค.67) นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์อาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากผลโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยสรุปเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือคุณอุ๊งอิ๊ง ส่วนตัวไม่ได้ตกใจ เพราะตามกฎหมาย หรือระเบียบของการเมือง พรคเพื่อไทย ส่งแคนดิเดต 3 คน เพื่อชิงเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อกรณีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เกิดอุบิตเหตุทางการเมืองแล้ว จึงมีการขยับลำดับแคนดิเดตที่เหลืออยู่ทำหน้าที่ต่อไป


ข่าวน่าสนใจอื่น


“เอกชนไม่ตกใจ แต่เบาใจมากกว่าที่ผลสรุปการเลือกนายกฯสามารถทำได้โดยเร็ว เพราะหากปล่อยเวลาไปนาน เรื่องการเมืองก็มีผลต่อการลงทุน และมีผลต่อเศรษฐกิจ หากไร้ผู้นำการดำเนินนโยบายต่างๆ และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกด้านจะมีปัญหา การจัดการได้โดยเร็วที่สุดถือเป็นเรื่องที่ดี”นายวิศิษฐ์กล่าว

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ความกังวลเรื่องนักลงทุนเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลไทย อาจไม่มีปัญหามากนัก เนื่องจากนายกรัฐมนตรี มาจากพรรคเพื่อไทย ส่วนใหญ่นโยบายยังคงเดิม แต่อีกกรณีอาจมีการเจรจาในพรรคร่วมรัฐบาลเรื่องนโยบายใหม่อีกครั้ง หากมีสถานการณ์เศรษฐกิจที่เกิดการเคลื่อนไหว หรือเปลี่ยนแปลงไป โดยรวมไม่มีผลต่อเศรษฐกิจมากนัก

อย่างไรก็ตาม เอกชนก็อยากให้ระยะนี้การเมืองมีเสถียรภาพ และยังคงนิ่งแบบนี้ไว้ก่อน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์อาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย 

ขณะเดียวกัน การเข้ามาของนายกฯคนใหม่ ก็มีโจทย์ยากรออยู่เช่นกัน ด้วยปัญหาเศรษฐกิจที่ขยายตัวยังไม่เต็มที่ ซึ่งไม่ได้เป็นแต่ประเทศไทย แต่เป็นเหมือนกันทั่วโลก การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องยาก จึงหวังให้การเข้ามาทำงานใช้เวลาบริหารประเทศเต็มที่ และต้องแก้ปัญหาว่าทำอย่างไรให้เศรษฐกิจเดินต่อไป ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง

“เช่น การดึงนักลงทุนเข้ามาในประเทศยังสำคัญ แม้ไทยจะเป็นเมืองที่น่าสนใจ แต่ในอาเซียนก็มีหลายประเทศที่น่าสนใจในการลงทุนเช่นกัน ดังนั้น ต้องแก้เกมเพื่อคว้าโอกาสให้เมืองไทยเป็นที่ต้องการของนักลงทุนให้ได้”นายวิศิษฐ์กล่าว

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศครึ่งปีหลังนี้ รัฐบาลอาจต้องเร่งเบิกจ่ายงบปี 67 โดยเร็ว เพราะเดือนต.ค.67 จะมีการตั้งงบปี 68 ใหม่แล้ว ซึ่งระยะเวลาที่เหลือขณะนี้รัฐบาลต้องเร่งใช้จ่ายในโครงการต่างๆ ที่มีอยู่ เรื่องนี้จะช่วยกระจายรายได้ให้กับประชาชนมากขึ้น

“อย่างไรก็ตาม โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ยังคงเป็นคำถามว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร มองว่ารัฐบาลอาจมีการพูดคุยในพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง แต่เชื่อว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่น โดยใช้เครื่องมือทางการคลังยังมีอกมาก เช่น การช่วยเหลือให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน หรือกระตุ้นการจ้างงานในพื้นที่ เหล่านี้มีเวลา 4 เดือนให้รัฐบาลเข้ามาบริหารต่อไป”นายวิศิษฐ์กล่าว