คลัง ออก พันธบัตรออมทรัพย์ 35,300 ล้านบาท ชูอัตราดอกเบี้ยสูง 3.15%

คลังชูอัตราดอกเบี้ยสูง 3.15% ต่อปี ฉลองกระทรวงการคลัง ครบรอบ 150 ปี วงเงิน 300 ล้านบาท พร้อมออกพันธบัตรอีก 35,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2.65% ต่อปี ยันหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ไม่แตะ 70%

นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ในเดือนพ.ค.นี้ สบน.จะออกพันธบัตรออมทรัพย์ รวม 35,300 ล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินแรก 300 ล้านบาท เนื่องในโอกาสกระทรวงการคลังครบรอบ 150 ปี โดยพันธบัตรดังกล่าว อายุ 15 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.15% ต่อปี โดยจะจ่ายผลตอบแทนทุกๆ 3 เดือน โดยประชาชนที่มีความสนใจ สามารถซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 1 จนถึงวันที่ 3 พ.ค.2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในงานฉลองครบรอบ 150 ปี

โดยระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 2 พ.ค.ประชาชนสามารถซื้อเริ่มต้นที่ จำนวนเงิน 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท และวันที่ 3 พ.ค.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงานดังกล่าว สามารถซื้อได้ไม่จำกัดจำนวน แต่ขั้นต่ำต้องซื้อตั้ง แต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป

ทั้งนี้ สำหรับนักลงทุนที่ซื้อพันธบัตรรุ่นดังกล่าว ในงานครบรอบ 150 ปีกระทรวงการคลัง ยังมีสิทธิ์ซื้อพันธบัตรรัฐบาลชุดแรกออกหน่ายในรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นพันธบัตรครั้งแรกของไทย โดย สบน.จะจัดพิมพ์เป็นพิเศษกรณี เพื่อจำหน่ายภายในงาน ราคา 4,999 ล้านบาท มีจำกัดเพียง 150 ใบเท่านั้น ทโดยมีเงื่อนไขต้องซื้อพันธบัตร 150 ปี กระทรวงการ คลัง ในวงเงิน 1 ล้านบาทขึ้นไปก่อน

ส่วนพันธบัตรอีก 35,000 ล้านบาท เป็นพันธบัตรที่จำหน่ายตามวาระปกติ โดยมีอายุ 7 ปี วงเงิน 10,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2.65% ต่อปี เปิดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 8 จนถึงวันที่ 16 พ.ค.2568 โดยนักลงสามารถซื้อได้จากแอปพลิเคชันเป๋าตัง สามารถซื้อได้ตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 20 ล้านบาท

พันธบัตรที่เหลืออีก 25,000 ล้านบาท อายุ 7 ปีเท่ากัน เปิดขายวันที่ 13 จนถึงวันที่ 15 พ.ค.2568 อัตราดอกเบี้ย 2.65% ต่อปี อายุ 7 ปี ซื้อได้ตั้งแต่ 5 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 20 ล้านบาท โดยขายพันธบัตรออมทรัพย์ผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่ายทั้ง 6 ราย ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย

นายพชร กล่าวว่า สถานการณ์ด้านการคลังในช่วงนี้ ยังมาไม่ถึงฐานะการคลัง เพราะอยู่ระหว่างการเจรจาระหว่างทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นของ ประธานาธิบดีทรัปม์ ซึ่งปัจจุบันหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ณ เดือนเม.ย.อยู่ที่ 64.5% ถ้าจีดีพี ยังมีการขยายตัวอยู่ที่ 3% จะขึ้นไปสูงสุดที่ 68% ปี2569 ภายใต้กรอบการขาดดุลงบประมาณ ไม่แตะ 70% ของจีดีพีอย่างแน่นอน โดยงบประมาณปีนี้ ขาดดุล 865,700 ล้านบาท และงบประมาณปีหน้าขาดดุล 860,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ผลพวงสถาบันการเงินปล่อยกู้ภาคเอกชนน้อยลง เพราะไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจ และกิจการของบริษัทเอกชน ขณะที่การออกหุ้นกู้ของบริษัทเอกชน ก็ไม่ได้รับความสนใจจากลงทุนเนื่องจากมีความเสี่ยงสูง ทำให้ให้ความต้องการพันธบัตรรัฐบาลมีสูงขึ้น เพราะความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นกู้ของเอกชน