
วันนี้ (4 พ.ย.67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการประชุมส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 4/2567 โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
พร้อมด้วย 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อาทิ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล โดยมีคณะผู้บริหาร ข้าราชการกระทรวงการคลัง และหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า จำนวน 42 คน เข้าร่วมประชุม

นายจิรายุกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีระบุการประชุมครั้งนี้ถือว่ากระทรวงการคลังเป็นเสาหลักด้านการคลังของประเทศ เพื่อพัฒนาด้านเศรษฐกิจให้ยั่งยืนต่อไป โดยจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหารือมาตรการด้านเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ซึ่งเศรษฐกิจไทยมีปัญหารุมเร้าหลายด้าน ทั้งปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะสมมานานและมีความท้าทายใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคมและการเมืองของโลก ดังนั้น จึงต้องแก้ไขปัญหาที่สะสม เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า และสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้น

โดยเครื่องมือสำคัญคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการใช้จ่ายของภาครัฐ โดยเฉพาะงบลงทุนที่มีมูลค่าถึง 960,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 5% ของจีดีพีประเทศ ขอให้ผู้บริหารระดับสูงของแต่ละกระทรวงร่วมกันผลักเม็ดเงินการลงทุน ลงในระบบเศรษฐกิจให้ประเทศ เพื่อสร้างจีดีพีพร้อมกับสร้างรายได้ให้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนคนไทยกินดีอยู่ดีต่อไป
“ช่วงเวลานี้อยู่ช่วงต้นปีงบประมาณ หากทุกหน่วยงานเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณตั้งแต่ต้นปี เบิกจ่ายงบลงทุนให้ได้ 80% จะสามารถบรรลุการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งเรื่องที่สามารถดำเนินการได้ทันที คือเรื่องเร่งรัดการเบิกจ่ายให้ตามเป้าหมาย เม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจจะช่วยการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งมาตรการใด” นายกรัฐมนตรีย้ำ
ทั้งนี้ หนึ่งเดือนแรกของปีงบประมาณที่ผ่านมา สามารถดำเนินการได้ดีกว่าค่าเฉลี่ย ขอให้รักษามาตรฐานเช่นนี้ไว้ และทำเนียบรัฐบาลจะติดตามเป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือน จะไม่มีการปล่อยไปถึงปลายปีแล้วมาดูทีหลัง โดยปีนี้จะเป็นการทำงานแบบเชิงรุก