
วานนี้ (9 มี.ค. 68) มีรายงานว่า บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ได้เป็นตัวแทนกลุ่มบริษัทประกันภัยเอกชน ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยัง พล.ต.ต.สมจิตร เหล่ามงคลนิมิต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร ว่าต้องการให้ตรวจสอบกรณี เมื่อวันที่ (10 ก.พ. 68) นายวิเชียร อายุ 32 ปี ประสบอุบัติเหตุตกจากรถยนต์กระบะ ก่อนถูกรถยนต์อีก 2 คัน ที่ชักลากจูงกันมาขับตามหลังชน จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ บริเวณบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ต.ธาตุ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร โดยผลชันสูตรแพทย์ระบุว่า พบบาดแผลบริเวณคิ้ว และหน้าแข้ง ต่อมาหลังเกิดเหตุ นายสมศักดิ์ อายุ 56 ปี , นายพรชนก อายุ 41 ปี , นายพีรพัฒน์ อายุ 30 ปี ได้เข้ามอบตัวต่อ พ.ต.ท.นันท์มนัส โพธิ์ศรี พนักงานสอบสวน จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงความตาย”

ต่อมา นายสกล อายุ 38 ปี ได้รับหนังสือมอบอำนาจ จากนางจันที อายุ 56 ปี แม่ของนายวิเชียร ผู้เสียชีวิต โดยประทับลายนิ้วมือแทนการเซ็นชื่อ ไปขอยื่นรับเงินประกันจาก พ.ร.บ.ประกันภัยรถยนต์ จากบริษัทประกันรถเอกชนจำนวนหลายแห่ง จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พบพิรุธหลายอย่าง เช่น ผลชันสูตรศพ ใบมรณะบัตร ซึ่งค่อนข้างที่จะไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะหากเกิดอุบัติเหตุจริง บนร่างกายต้องมีรอยถลอกหรือรอยชน แต่ผลชันสูตรกลับมีเพียงบาดแผล 2 จุดเท่านั้น

รวมไปถึงข้อพิรุธเรื่องรถยนต์ที่นายวิเชียรนั่งคันแรก และตกลงมาจากรถ มีการทำ พ.ร.บ.กรมธรรม์ประกันภัยมากถึง 12 กรมธรรม์ และรถยนต์อีก 2 คัน คู่กรณีมีกรมธรรม์คันละ 5 กรมธรรม์ โดยเป็น พ.ร.บ.ภาคบังคับ 22 กรมธรรม์ ต้องจ่ายชดเชยให้ผู้เสียชีวิตกรมธรรม์ละ 500,000 บาท และ พ.ร.บ.รถยนต์ภาคสมัครใจอีก 6 กรมธรรม์ รวมทั้งหมด 28 กรมธรรม์ ซึ่งเป็นเงินสูงถึง 14 ล้านบาท ที่บริษัทประกันภัยรถยนต์ต้องจ่ายเงินผลประโยชน์นี้ให้บิดา มารดา หรือผู้สืบสายเลือดของนายวิเชียร โดยรถยนต์กระบะที่ก่อเหตุเป็นชื่อของ นายสกล คนไปรับกรมธรรม์ นางพัชรี (ภรรยาสมศักดิ์) และนางสมพร

ต่อมาช่วงดึกในวันที่ (8 มี.ค. 68) ศาลสว่างแดนดิน ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 4 ราย คือ นายสมศักดิ์ อายุ 56 ปี , นายพรชนก อายุ 41 ปี , นายพีรพัฒน์ อายุ 30 ปี และนายสกล อายุ 38 ปี ข้อกล่าวหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” ซึ่ง จนท.ชุดสืบสวน ภ.จว.สกลนคร สามารถจับกุมตัวได้ทั้งหมด 3 ราย เหลือเพียงนายพรชนก อายุ 41 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนี
โดยตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด 3 ราย ยังให้การปฏิเสธ

กระทั่งวานนี้ (9 มี.ค. 68) พ.ต.อ.จิรโรจน์ โรจน์ภานุพัชร์ รองบังคับการตำรวจภูธรสกลนคร พร้อมคณะทำงานและชุดสืบสวน ร่วมประชุมเพื่อหาพยานหลักฐานพยานเพิ่มเติม และติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ ซึ่งเชื่อว่าทำเป็นกระบวนการ และตำรวจเชื่อว่าจากการออกหมายจับผู้ต้องหาครั้งนี้ เพราะมีหลักฐานแน่นเชื่อได้ว่าจากอุบัติเหตุดังกล่าวนั้นมีความพิรุธผิดปกติ
ด้านนางจันที อายุ 56 ปี แม่ของนายวิเชียร ซึ่งเป็นผู้พิการเดินลำบาก เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุมีเพื่อนมารับ พอทราบข่าวอีกทีนางบัวเรียนลูกสาว โทรศัพท์ แจ้งว่าน้องชายเกิดอุบัติเหตุ ส่วนรายละเอียดต่างๆ นั้นตนไม่ทราบ มีแต่ให้ลูกสาวดำเนินการทั้งหมด ตนยอมรับขณะที่ลูกชายมีชีวิตอยู่นั้น มีพฤติกรรมเสพสารเสพติด จนมีอาการจิตเวช และทำร้ายร่างกายพ่อแม่เป็นประจำ

ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวันนี้ (9 มี.ค. 68) มีรายงานมาว่า 1 ใน 3 ผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวอยู่ ได้ให้การรับสารภาพว่า มีการวางแผนทำร้ายร่างกายตรงจุดเกิดเหตุ และสร้างสถานการณ์ให้รถยนต์มาชน เพื่อตบตาอำพรางให้เกิดเป็นอุบัติเหตุ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ระหว่างสอบปากคำเข้มผู้ต้องหาทั้งหมด และจากการรับสารภาพเป็นผลดีอย่างยิ่งในการดำเนินคดีได้ง่ายขึ้น
ยังมีรายงานอีกว่า นางบัวเรียน พี่สาวผู้เสียชีวิต ให้การกับตำรวจว่า นางบัวเรียนเคยบ่นให้กับหนึ่งในผู้ก่อเหตุฟัง ว่าอยากให้เอาน้องชายไปสั่งสอน เพราะทนไม่ไหวที่ชอบทำร้ายพ่อแม่เป็นประจำ แต่ก็ไม่คิดว่าเค้าจะทำจริงซึ่งพาน้องชายออกไปจากบ้าน ต่อมาจึงทราบว่าน้องชายประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต

สำหรับนายสกล 1 ในผู้ต้องหา มีรายงานว่า เป็นอดีตตัวแทนจำหน่ายประกัน และภายหลังจากที่พ่อนายวิเชียรประสบอุบัติเหตุจนนอนติดเตียง นายสกลก็มาให้คำแนะนำเรื่องเกี่ยวกับ พ.ร.บ. ประกันภัยรถยนต์กับครอบครัว จึงทำให้มีความสนิทใกล้ชิดกับคนในครอบครัวของนายวิเชียร