ไม่สำนึก! นักข่าว แฉ! “ไอ้โน๊ต” มือฆ่ายกครัวซุกรถ ตีเนียนเป็นไทยมุง หวังเบี่ยงประเด็น 

นักข่าว ผงะ! หลังรู้ “ไอ้โน๊ต” คือมือฆ่ายกครัวซุกรถ กำแพงเพชร เผย ทำทีเป็นพลเมืองดี ตีสนิทนักข่าวเพื่อเบี่ยงประเด็น ตั้งแต่วันพบศพ “ไม่สะทกสะท้านสำนึกผิด”

จิตใจทำด้วยอะไร? ฆ่าคนตายยกครัวถึง 3 ศพ แต่ยังใช้ชีวิตปกติ ทำทีเป็นพลเมืองดี ตีสนิทนักข่าวเพื่อเบี่ยงประเด็น 

คืบหน้าคดีสุดเหี้ยม ฆ่า 3 ศพ พ่อแม่ลูก หมกศพไว้ในรถยนต์ของผู้ตาย ในป่าหน้าบ้านร้าง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ตอนนี้ นายโน๊ต ศิวกร เพื่อนของน้องชายผู้ตายยอมรับสารภาพแล้ว ว่าเป็นคนก่อเหตุ อ้างมีปัญหาเรื่องเงินที่เคลียร์ไม่ลงตัว 



งานนี้ทำเอานักข่าวถึงกับผงะ เพราะนายโน๊ต คือคนที่ทำทีเป็นพลเมืองดี คอยให้เบาะแสนักข่าว โดยนายเจษฎา หรือโป๊ะซ่า อายุ 40 ปี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.กำแพงเพชร ได้เปิดเผยว่า “ตนเองรู้สึกตกใจมากหลังทราบว่า นายโน๊ต ผู้ต้องสงสัยที่ถูกตำรวจควบคุมตัวไปสอบปากคำ ได้รับสารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุฆ่าอำพราง 3 ศพ พ่อแม่ลูก และเป็นเจ้าของปืนบีบีกันดัดแปลงที่ใช้ในการก่อเหตุ  

โดยในวันที่พบ 3 ศพ ในที่เกิดเหตุ เวลาประมาณ 13.00 น. นายเจษฎา ได้ขับรถยนต์เข้ามาจอดบนถนนหน้าจุดเกิดเหตุ และมีนายโน๊ต ทำทีเดินตามพร้อมทักทายพูดคุยเรื่องการทำข่าวในจุดเกิดเหตุ แถมยังพูดกับผู้ใช้ข่าวว่า “มันโหด มันทำได้ยังไง” และวนเวียนอยู่ในจุดเกิดเหตุแฝงตัวกับผู้คนและเจ้าหน้าที่จำนวนมาก  

เมื่อผู้สื่อข่าวเดินกลับไปที่รถหลังทำข่าวเสร็จ กำลังจะขับรถออกจากจุดเกิดเหตุ นายโน๊ตก็เดินตามไปจนถึงรถของผู้สื่อข่าวและถามว่าจะไปไหนต่อ ซึ่งผู้สื่อข่าวตอบว่าเดี๋ยวจะไปโรงพัก ซึ่งก็ยังเอะใจว่านายโน๊ตคือใคร? ทำไมถึงดูเหมือนรู้จักกับตนแบบนี้  

ต่อมา ในช่วงเวลา 01.40 น. ของวันที่ 14 ก.พ.68  “นายโน๊ต” ได้ทำทีส่งข้อความมาใน Line ของผู้สื่อข่าว ลักษณะแจ้งบอกแสว่าได้ข้อมูลจาก “นายโป๊งเหน่ง หรือนายบอล” น้องชายเมียผู้ตาย แจ้งว่าผู้ตายนำทองคำไปจำนำในตัวเมืองกำแพงเพชร จำนวนกี่บาทไม่แน่ใจ และถามว่ารู้เบาะแสหรือไม่? ซึ่งผู้สื่อข่าวก็ตอบไปว่าไม่ทราบข้อมูลนี้ พร้อมแจ้งว่าพรุ่งนี้ 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียงหน้ากระดานค้นหาหลักฐานที่จุดเกิดเหตุอย่างละเอียด โดยนายโน๊ตได้ตอบกลับมาว่า “หากตนได้ข้อมูลอะไรจะรีบแจ้งทันที” 

พอถึงช่วงเช้าของวันที่ 14 ก.พ.68 เวลา 08.00 น. เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ยังจุดเกิดเหตุ หลังจอดรถปรากฏว่าพบนายโน๊ต ยืนรออยู่และเดินตามผู้สื่อข่าวไปจนถึงทางเข้าจุดเกิดเหตุ และสอบถามว่าวันนี้จะทำอะไรกันบ้าง? ซึ่งก็ได้ตอบกลับไปว่าคงจะหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียด  

โดยช่วงจากเสร็จภารกิจทำข่าว ผู้สื่อข่าวได้เดินกลับมาที่รถนายโน๊ตก็เดินตามมา และสอบถามอีกว่าได้อะไรบ้าง? ซึ่งผู้สื่อข่าวก็ตอบไปว่ายังไม่เจออะไรเลยและขับรถออกไป โดยผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับผู้ช่วยฯ ว่าชายคนดังกล่าวที่ตามเรามาคือใคร? ทำไมทำทีสนิทและรู้จัก ซึ่งก็เอะใจอยู่เหมือนกันว่าเป็นใครกันแน่  

จนช่วงบ่าย ตำรวจได้มีการเรียกตัวนายโน๊ตมาสอบสวนอย่างละเอียด และทราบว่านายโน๊ตเป็นเจ้าของปืนบีบีกันดัดแปลงและรับสารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรู้สึกตกใจกับสิ่งที่นายโน๊ตได้ติดตามในการทำงานของตนเองมาตลอด 2 วัน ไม่คิดว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุและส่งข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงให้กับตน ซึ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยในขณะนี้ โดยได้แจ้งข้อมูลไปยังผู้กำกับ สภ. คลองขลุงถึงเรื่องดังกล่าวให้ทราบแล้ว  

ผู้สื่อข่าว เล่าต่อว่า จากการกระทำของนายโน๊ต ตนรู้สึกว่าผู้ต้องสงสัยไม่มีความสะทกสะท้านสำนึกผิด กลับยังทำทีมาหยั่งเชิง ถือเป็นการคุกคามในการทำหน้าที่สื่อมวลชนและสร้างความไม่ปลอดภัยในความเป็นส่วนตัว ทั้งนี้ ในวันที่พบศพทั้ง 3 นายโน๊ตยังทำทีเป็นไทยมุงมาดูเหตุการณ์ และติดตามการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนอย่างใกล้ชิด และวนเวียนอยู่ในจุดเกิดเหตุ แฝงตัวกับเจ้าหน้าที่และผู้คนจำนวนมาก 

เบื้องต้น มีรายงานว่า ผู้ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้มีทั้งหมด 4 คน ดังนี้ 

1.นายโน๊ต ทำหน้าที่นำปืนไปจำนำกับผู้ตาย และเป็นคนยิง รวมถึงยังเป็นคนส่งข้อความ sms ให้นายโป๊งเหน่ง น้องเมียนายวงศกร ผู้เสียชีวิต  

2.นายนิรุธ หรือ ยศ ทำหน้าที่ซื้อซิมจากคนงานชาวเมียนมา  

3.นายเข้ ทำหน้าที่ ช่วยยกศพและขับมอเตอร์ไซค์นำทางเข้าไปในที่เกิดเหตุ  

4.นายชัยณรงค์ ให้ที่พักพิง แก่ นายโน๊ต ศิวกร และเป็นคนเก็บซิมการ์ดเอาไว้ แต่ยังอยู่ระหว่างสอบปากคำ  

ตำรวจยังสอบปากคำอย่างละเอียดตลอดคืน ซึ่งผู้ต้องสงสัยอีกหนึ่งคนคือ “นายเข้” ยังอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบปากคำ โดยในวันนี้ (15 ก.พ.68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะให้ทีมประดาน้ำลงค้นหาในสระหลังบ้านล้าง กว้าง 20 เมตร เพื่อหาหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง  

หากมีความคืบหน้าจะอัปเดตให้ทราบ