![](https://files.ejan.co/wp-content/uploads/2025/02/1739591582_481670-ejan-768x402.jpg)
จิตใจทำด้วยอะไร? ฆ่าคนตายยกครัวถึง 3 ศพ แต่ยังใช้ชีวิตปกติ ทำทีเป็นพลเมืองดี ตีสนิทนักข่าวเพื่อเบี่ยงประเด็น
คืบหน้าคดีสุดเหี้ยม ฆ่า 3 ศพ พ่อแม่ลูก หมกศพไว้ในรถยนต์ของผู้ตาย ในป่าหน้าบ้านร้าง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ตอนนี้ นายโน๊ต ศิวกร เพื่อนของน้องชายผู้ตายยอมรับสารภาพแล้ว ว่าเป็นคนก่อเหตุ อ้างมีปัญหาเรื่องเงินที่เคลียร์ไม่ลงตัว
งานนี้ทำเอานักข่าวถึงกับผงะ เพราะนายโน๊ต คือคนที่ทำทีเป็นพลเมืองดี คอยให้เบาะแสนักข่าว โดยนายเจษฎา หรือโป๊ะซ่า อายุ 40 ปี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.กำแพงเพชร ได้เปิดเผยว่า “ตนเองรู้สึกตกใจมากหลังทราบว่า นายโน๊ต ผู้ต้องสงสัยที่ถูกตำรวจควบคุมตัวไปสอบปากคำ ได้รับสารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุฆ่าอำพราง 3 ศพ พ่อแม่ลูก และเป็นเจ้าของปืนบีบีกันดัดแปลงที่ใช้ในการก่อเหตุ
โดยในวันที่พบ 3 ศพ ในที่เกิดเหตุ เวลาประมาณ 13.00 น. นายเจษฎา ได้ขับรถยนต์เข้ามาจอดบนถนนหน้าจุดเกิดเหตุ และมีนายโน๊ต ทำทีเดินตามพร้อมทักทายพูดคุยเรื่องการทำข่าวในจุดเกิดเหตุ แถมยังพูดกับผู้ใช้ข่าวว่า “มันโหด มันทำได้ยังไง” และวนเวียนอยู่ในจุดเกิดเหตุแฝงตัวกับผู้คนและเจ้าหน้าที่จำนวนมาก
![](https://files.ejan.co/wp-content/uploads/2025/02/1739591537_513408-ejan.jpg)
เมื่อผู้สื่อข่าวเดินกลับไปที่รถหลังทำข่าวเสร็จ กำลังจะขับรถออกจากจุดเกิดเหตุ นายโน๊ตก็เดินตามไปจนถึงรถของผู้สื่อข่าวและถามว่าจะไปไหนต่อ ซึ่งผู้สื่อข่าวตอบว่าเดี๋ยวจะไปโรงพัก ซึ่งก็ยังเอะใจว่านายโน๊ตคือใคร? ทำไมถึงดูเหมือนรู้จักกับตนแบบนี้
ต่อมา ในช่วงเวลา 01.40 น. ของวันที่ 14 ก.พ.68 “นายโน๊ต” ได้ทำทีส่งข้อความมาใน Line ของผู้สื่อข่าว ลักษณะแจ้งบอกแสว่าได้ข้อมูลจาก “นายโป๊งเหน่ง หรือนายบอล” น้องชายเมียผู้ตาย แจ้งว่าผู้ตายนำทองคำไปจำนำในตัวเมืองกำแพงเพชร จำนวนกี่บาทไม่แน่ใจ และถามว่ารู้เบาะแสหรือไม่? ซึ่งผู้สื่อข่าวก็ตอบไปว่าไม่ทราบข้อมูลนี้ พร้อมแจ้งว่าพรุ่งนี้ 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียงหน้ากระดานค้นหาหลักฐานที่จุดเกิดเหตุอย่างละเอียด โดยนายโน๊ตได้ตอบกลับมาว่า “หากตนได้ข้อมูลอะไรจะรีบแจ้งทันที”
![](https://files.ejan.co/wp-content/uploads/2025/02/1739591556_456159-ejan.jpg)
พอถึงช่วงเช้าของวันที่ 14 ก.พ.68 เวลา 08.00 น. เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ยังจุดเกิดเหตุ หลังจอดรถปรากฏว่าพบนายโน๊ต ยืนรออยู่และเดินตามผู้สื่อข่าวไปจนถึงทางเข้าจุดเกิดเหตุ และสอบถามว่าวันนี้จะทำอะไรกันบ้าง? ซึ่งก็ได้ตอบกลับไปว่าคงจะหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียด
โดยช่วงจากเสร็จภารกิจทำข่าว ผู้สื่อข่าวได้เดินกลับมาที่รถนายโน๊ตก็เดินตามมา และสอบถามอีกว่าได้อะไรบ้าง? ซึ่งผู้สื่อข่าวก็ตอบไปว่ายังไม่เจออะไรเลยและขับรถออกไป โดยผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับผู้ช่วยฯ ว่าชายคนดังกล่าวที่ตามเรามาคือใคร? ทำไมทำทีสนิทและรู้จัก ซึ่งก็เอะใจอยู่เหมือนกันว่าเป็นใครกันแน่
จนช่วงบ่าย ตำรวจได้มีการเรียกตัวนายโน๊ตมาสอบสวนอย่างละเอียด และทราบว่านายโน๊ตเป็นเจ้าของปืนบีบีกันดัดแปลงและรับสารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรู้สึกตกใจกับสิ่งที่นายโน๊ตได้ติดตามในการทำงานของตนเองมาตลอด 2 วัน ไม่คิดว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุและส่งข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงให้กับตน ซึ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยในขณะนี้ โดยได้แจ้งข้อมูลไปยังผู้กำกับ สภ. คลองขลุงถึงเรื่องดังกล่าวให้ทราบแล้ว
![](https://files.ejan.co/wp-content/uploads/2025/02/1739591082_976397-ejan-1024x650.jpg)
ผู้สื่อข่าว เล่าต่อว่า จากการกระทำของนายโน๊ต ตนรู้สึกว่าผู้ต้องสงสัยไม่มีความสะทกสะท้านสำนึกผิด กลับยังทำทีมาหยั่งเชิง ถือเป็นการคุกคามในการทำหน้าที่สื่อมวลชนและสร้างความไม่ปลอดภัยในความเป็นส่วนตัว ทั้งนี้ ในวันที่พบศพทั้ง 3 นายโน๊ตยังทำทีเป็นไทยมุงมาดูเหตุการณ์ และติดตามการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนอย่างใกล้ชิด และวนเวียนอยู่ในจุดเกิดเหตุ แฝงตัวกับเจ้าหน้าที่และผู้คนจำนวนมาก
เบื้องต้น มีรายงานว่า ผู้ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้มีทั้งหมด 4 คน ดังนี้
1.นายโน๊ต ทำหน้าที่นำปืนไปจำนำกับผู้ตาย และเป็นคนยิง รวมถึงยังเป็นคนส่งข้อความ sms ให้นายโป๊งเหน่ง น้องเมียนายวงศกร ผู้เสียชีวิต
2.นายนิรุธ หรือ ยศ ทำหน้าที่ซื้อซิมจากคนงานชาวเมียนมา
3.นายเข้ ทำหน้าที่ ช่วยยกศพและขับมอเตอร์ไซค์นำทางเข้าไปในที่เกิดเหตุ
4.นายชัยณรงค์ ให้ที่พักพิง แก่ นายโน๊ต ศิวกร และเป็นคนเก็บซิมการ์ดเอาไว้ แต่ยังอยู่ระหว่างสอบปากคำ
![](https://files.ejan.co/wp-content/uploads/2025/02/1739591098_066420-ejan-1024x650.jpg)
ตำรวจยังสอบปากคำอย่างละเอียดตลอดคืน ซึ่งผู้ต้องสงสัยอีกหนึ่งคนคือ “นายเข้” ยังอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบปากคำ โดยในวันนี้ (15 ก.พ.68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะให้ทีมประดาน้ำลงค้นหาในสระหลังบ้านล้าง กว้าง 20 เมตร เพื่อหาหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง
หากมีความคืบหน้าจะอัปเดตให้ทราบ