
(18 ธ.ค.67) เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางปะอิน ได้ดำเนินการจับกุม นางสาวกนกรัตน์ดา หรือ “เจ๊แหม่ม ออมทอง” ในข้อหากระทำความผิดฉ้อโกงประชาชน หลังมีผู้เสียหายรวมตัวแจ้งความกว่า 20 คน รวมยอดความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท
สืบเนื่องจาก (19 ม.ค.67) มีผู้เสียหายจำนวนหลายราย เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรบางปะอิน หลังถูกเจ้าของกลุ่ม Facebook บ้านออมทองเจ๊แหม่ม ชักชวนให้ออมทองแท้ 96.5% โดยคิดราคาออมทองต่ำกว่าราคาในตลาดขณะนั้น แต่หลังจากจ่ายเงินออมทองครบแล้ว กลับไม่ได้รับทองทองคำหรือค่าตอบแทนจริง จึงทำให้มีผู้เสียหายในเขต อ.บางปะอิน จำนวนหลายรายโดยมีความเสียหายมูลค่ากว่า 28 ล้านบาท

ต่อมา พล.ต.ต โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้สั่งการให้ติดตามความคืบหน้าของคดีและเร่งรัดสืบสวน จนทราบว่านางสาวกนกรัตน์ดา หรือแหม่ม เจ้าของกลุ่ม Facebook บ้านออมทองเจ๊แหม่ม มีการโพสต์ชักชวนให้ลูกค้าออมทองเป็นทองคำแท้ 96.5% มีทั้งทองคำรูปพรรณและทองคำแท่ง โดยจะเสนอให้ลูกค้ามาออมทองถูกกว่าราคาทองคำในตลาดขณะนั้น ประมาณ 3000-4000 บาท
โดยหลังจากกลุ่มผู้เสียหายจ่ายเงินออมทองคำ ครบจำนวนแล้ว จะได้รับทองคำไปอีก 14 วัน และมีผู้เป็นตัวแทนชักชวนลูกค้าให้มาออมทองจะได้รับค่าตอบแทนรายละ 500 บาท และโปรโมชั่นอื่น ๆ จึงทำให้มีผู้หลงเชื่อและลงทุนออมทองกับเจ๊แหม่มเป็นจำนวนมาก จนกระทั่ง ช่วงเดือนธันวาคม 2566 ถึงมกราคม 2567 ได้มีกลุ่มผู้เสียหายประมาณ 20 คน ในพื้นที่ สภ. บางปะอินเข้าแจ้งความ หลังไม่ได้รับค่าตอบแทนหรือทองคำจากเจ๊แหม่ม ซึ่งความเสียหายกับเคสของเจ๊แหม่ม รวมแล้วประมาณเกือบ 300 ล้านบาท

นางสาวภัชราภรณ์ หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า ตนทำงานที่เดียวกับเจ๊แหม่ม และเห็นเขาโพสต์ Facebook ชวนให้ออมทอง ตนเห็นว่าเจ๊แหม่มโปรไฟล์ดี และมีคนออมทองกับเขาเยอะ ตนจึงตัดสินใจลงทุน เพราะเห็นว่าหากออมกับเจ๊แหม่มขณะนั้น ราคาประมาณ 27,800 บาท หากนำไปขาย จะได้กำไรประมาณ 4000-5000 จนเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ตนเริ่มลงทุนออมทองกับเจ๊แหม่มครั้งแรก 2-3 บาท และก็ได้ผลกำไรตอบแทนจริง กระทั่งเดือนธันวาคม 2566 เจ๊แหม่มก็ขาดการติดต่อ ตนพยายามจะติดต่อขอรับเงิน เนื่องจากตนออมทองกับเจ๊แหม่มถึง 41 บาท และเมื่อขอปิดยอดกลับไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้ตนสูญเงินไปกว่า 1 ล้านบาท และได้มีการพูดคุยกับกลุ่มบ้านออมทองที่มีการออมทองด้วยกัน จนทราบว่าเจ๊แหม่มได้หนีหาย ทราบว่ามีผู้เสียหายทั่วประเทศที่ถูกเจ๊แหม่มโกงรวมกันกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งตนเองเสียใจมาก และก็ยังหวังว่าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวเจ๊แหม่มได้หวังว่าจะได้ทรัพย์สินคืนมาบ้าง

ด้าน เจ๊แหม่ม ผู้ต้องหา เผยว่า ตนอยากจะขอโทษผู้เสียหายทั้งหมดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากตนเองไม่เหลือเงินสักบาท โดยอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจจะหลอกหรือโกงใคร แต่เนื่องจากเกิดปัญหาลูกค้าออมทองปิดยอดพร้อมกันช่วงปีใหม่ จึงเกิดการหมุนเงินไม่ทันและไม่มีลูกข่ายมาลงทุนออมทองกับตนเองเพิ่ม จึงนำเงินในส่วนนี้มาหมุนต่อยอด
พ.ต.อ. ดิเรก โปธิปัน ผกก.สภ.บางปะอิน เผย จากกรณีดังกล่าวคล้ายกับการแชร์ลูกโซ่ เหมือนลักษณะหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อ ในการซื้อทองราคาถูกและนำไปขายได้กำไรเยอะ ๆ ซึ่งมันไม่มีอยู่จริง จึงฝากเตือนประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อไม่งั้นจะตกเป็นเหยื่อและผู้เสียหาย ซึ่งขนาดนี้ผู้เสียหายในสภ.บางปะอิน มีทั้งหมด 16 ราย ความเสียหาย 28 ล้านบาท และคาดว่าจะมีผู้เสียหายที่ถูกหลอกมาแจ้งความเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก เนื่องจากมีการโพสต์ชักชวนผ่าน Facebook ซึ่งเป็นสาธารณะโดยไม่มีการปิดกั้นเข้าถึงและพบมูลค่าความเสียหายทั่วประเทศประมาณ 300 ล้านบาท

