พ่อแม่ไม่โกรธ! โผกอดปลอบใจลูกชาย หลังถูกแก๊งคอลฯ หลอกต่อเนื่อง 7 วัน สูญเงินกว่า 5 แสน 

พ่อแม่โผกอดปลอบใจลูกชาย หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกสารพัด ลวงให้ถ่ายคลิปลักพาตัวเอง ต่อเนื่องนาน 7 วัน สูญเงิน 520,000 บาท เกือบโอนอีกเป็นแสนยังดีเจ้าหน้าที่บุกช่วยก่อน

ระวังมิจฉาชีพกันด้วยนะคะ ถึงแม้ว่าตอนนี้รัฐบาลกำลังเร่งกวาดล้างครั้งใหญ่ แต่ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจ ล่าสุดมีนักศึกษาปี 1 ถูกหลอกชนิดที่ว่า ใครบอกก็ไม่เชื่อ จนเจ้าหน้าที่ต้องบุกเข้าช่วย 

วานนี้ (19 ก.พ.68) พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล  หรือ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ตำรวจได้รับแจ้งจากพ่อแม่ของผู้เสียหายว่า ลูกชายได้ถูกลักพาตัวไป พ่อแม่จึงเดินทางมาขอให้ตำรวจช่วย โดยก่อนหน้านี้ได้มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างว่าเป็นค่ายมือถือโทรมาหาผู้เสียหาย บอกว่าผู้เสียหายไปเกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกเงิน และให้ไปแสดงตัวที่ สภ.แม่โจ้ จ.เชียงใหม่ แต่ผู้เสียหายไม่สะดวกเดินทางไป จึงบังคับให้ผู้เสียหายเปิดห้องพักย่านวังทองหลาง และวิดิโอคอลคุยกับขบวนการคอลเซนเตอร์ตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลากินข้าว

 

โดยมีการหลอกต่อเนื่อง 7 วัน ซึ่งวันที่เข้าไปช่วยก็พบว่ามีการพูดคุยกันนานถึงกว่า 17 ชั่วโมง นอกจากนั้นยังให้ผู้เสียหายโอนเงินครั้งแรกรวม 3 รอบ จำนวน 150,000 บาท โดยในระหว่างนั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ให้ผู้เสียหายคุยกับบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปง. และเจ้าหน้าที่ธุรกรรมบัญชี 

ซึ่งหลังจากหลอกเด็กจนเงินหมดแล้ว ก็ได้สั่งให้ไปหลอกพ่อแม่ ว่าสอบติดทุนเรียนต่อต่างประเทศและจะนำเงินไปเรียน แต่จะต้องใช้เงินค้ำประกัน 500,000 บาท ซึ่งครอบครัวผู้เสียหาย ได้มีการโอนเงินเข้าบัญชีของลูกชาย หลังจากนั้นผู้เสียหาย ก็โอนต่อไปยังให้แก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งหลังจากหมดวิธีโกหกในเรื่องของการเรียนต่อต่างประเทศแล้ว แก๊งคอลเซนเตอร์ก็ได้ให้ผู้เสียหายหลอกพ่อแม่ว่าโดนลักพาตัว และจะโดนทำร้ายร่างกาย รวมถึงนำไปขายที่ต่างประเทศ พร้อมทั้งข่มขู่พ่อแม่ของผู้เสียหาย ให้โอนเงินมา 150,000 บาท แต่พ่อแม่ของผู้เสียหายกลับรู้สึกแปลกใจ จึงเดินทางมาแจ้งความกับตำรวจที่ สน.วังทองหลาง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เริ่มปฏิบัติการค้นหาผู้เสียหายทันที  

ในช่วงแรกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นหาก็พยายามเจาะไปตามโรงแรมต่างๆ ในพื้นที่วังทองหลาง เนื่องจากว่าผู้เสียหายไม่ยอมบอกพิกัดที่อยู่ โดยในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงห้องพักที่ผู้เสียหายพักอยู่นั้น เจ้าตัวก็ยังคงพูดคุยอยู่กับขบวนการคอลเซนเตอร์ตลอดเวลา  

นายณัฐวรรธน์ พ่อของผู้เสียหายเปิดเผยว่า เริ่มแรกลูกชายได้มาบอกกับตัวเองว่าได้ทุนไปเรียนต่างประเทศ โดยมีการอ้างชื่ออาจารย์ซึ่งดูแลเรื่องโครงการทุนของมหาวิทยาลัย ตัวเองได้ทดลองหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็พบว่ามีชื่ออาจารย์คนดังกล่าวจริง แต่ไม่มีชื่อโครงการทุนของมหาวิทยาลัย ประกอบกับเมื่อสอบถามข้อมูลอย่างละเอียด เกี่ยวกับที่พักและสถานที่เรียน ก็พบว่าลูกพูดจาวกไปวนมา จึงทำให้เริ่มเอะใจ และได้เตือนลูกว่าไม่มีหลักสูตรดังกล่าวอยู่จริง แต่ตัวเองก็ได้โอนเงินให้ลูกเพราะรักและเชื่อใจ จากนั้นตัวเองได้ไปสอบถามข้อมูลอาจารย์ ของมหาวิทยาลัย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยยืนยันว่ากรณีดังกล่าวน่าจะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่มีการเอาชื่ออาจารย์ไปแอบอ้าง  

กระทั่งครั้งล่าสุด กลุ่มมิจฉาชีพโทรศัพท์มาหาตัวเอง พร้อมกับส่งรูปภาพ รถจักรยานยนต์ล้ม เพื่อสร้างสถานการณ์ข่มขู่ และให้โอนเงินมา 150,000 บาท เพื่อแลกกับความปลอดภัยของลูก โดยอ้างว่าลูกเป็นหนี้การพนัน รวมถึงยังข่มขู่ว่าขณะนี้ได้พาตัวลูกชายของตัวเองไปที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว ตัวเองจึงเดินทางจากจังหวัดขอนแก่น มาแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลวังทองหลา งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งตัวเองและภรรยาได้โอนเงินให้กลุ่มมิจฉาชีพรวมทั้งหมด เป็นจำนวนเงิน 520,000 บาท   

โดยหลังตำรวจได้ช่วยเหลือลูกชายตัวเองออกมา ทางแม่ของผู้เสียหายได้เข้าโอบกอดลูก ขณะเดียวกันตนก็ได้มีการพูดคุยกับลูกพบว่าสภาพจิตใจขณะนี้ ยังอยู่ในภาวะกังวลหวาดกลัวและหวาดระแวง ซึ่งตัวเองก็ไม่ได้มีการตำหนิแต่ได้มีการปลอบใจและขอให้เรื่องนี้เป็นบทเรียน 

ระวังกันด้วยนะคะ มิจฉาชีพทุกวันนี้มีมาทุกรูปแบบจริงๆ ถ้ามีคนโทรเข้ามาลักษณะนี้ ให้คิดไปก่อนว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แนะนำว่าให้เดินทางไปสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจใกล้บ้านจะดีกว่าค่ะ