สุดเหี้ยม! ผัวเมียลูกหนี้โหด ลวงเจ้าหนี้ฆ่าเผาร่างอำพรางคดี

อำมหิต! ตร.แกะรอยหลักฐาน “ผัวเมียลูกหนี้โหด” ลวงเจ้าหนี้ฆ่าเผาร่างนำกระดูกโยนทิ้งน้ำอำพรางคดี หลบหนีจากนครปฐมซ่อนตัวเชียงใหม่ สุดท้ายจนมุม สารภาพสิ้น

คดีสุดเหี้ยม!!

ผัวเมียลูกหนี้โหด ลวงสาวเจ้าหนี้มาที่บ้านแล้วบีบคอจนเสียชีวิต

ก่อนใช้ผ้าห่มคลุมร่างค่อย ๆ ใช้น้ำมันราดจุดไฟเผาร่างกว่า 10 ชั่วโมงอำพรางคดี หลบหนีไปกบดานที่ จ.เชียงใหม่ สุดท้ายหลักฐานมัดตัวฆาตกร

กรณี น.ส.ปิยะวรรณ หรือแอน อายุ 22 ปี หายตัวออกจากบ้านพักใน ต.บางระกำ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งญาติของ น.ส.ปิยะวรรณ พบเห็นเธอครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 4 มี.ค.68 โดย น.ส.ปิยะวรรณ บอกว่าจะไปทวงเงินจาก น.ส.ภัทราภรณ์ หรือมิ้ว อายุ 21 ปี และบ่นอีกว่าอาจมีปากเสียงกันเรื่องถูก น.ส.ภัทราภรณ์ หลอกว่าสามารถฝากเข้าทำงานที่ รพ.แห่งหนึ่งได้

ตั้งแต่วันที่ น.ส.ปิยะวรรณ ก้าวเท้าออกจากบ้านพักไป จากนั้นญาติ ๆ และสามีพยายามติดต่อหา น.ส.ปิยะวรรณ พบความผิดปกติเพราะแชตหา น.ส.ปิยะวรรณ ได้รับการตอบกลับด้วยข้อความที่ผิดปกติและไม่ยอมวิดีโอคอลหรือโทรศัพท์มือถือกลับมาหาญาติ ๆ และสามี

ความผิดปกติหายตัวกว่า 10 วัน สามีของ น.ส.ปิยะวรรณ เดินทางไปที่ สภ.นครชัยศรี เพื่อร้องทุกข์และให้ตำรวจช่วยตามหา น.ส.ปิยะวรรณ ซึ่งเป็นภรรยา โดยหลังรับแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้น พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 และ พล.ต.ต.พงศ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ ผบก.ภ.จว.นครปฐม สั่งการให้ พ.ต.อ.อิทธิพล พรเทวบัญชา รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม ลงพื้นที่ร่วมสืบสวนกับชุดสืบสวน บก.สส.ภ.7 , กก.สส.ภ.จว.นครปฐม และ สภ.นครชัยศรี ติดตามสืบสวนตามหา น.ส.ปิยะวรรณ

พยานแวดล้อมและพยานบุคคลหลายคนที่ใกล้ชิดกับ น.ส.ปิยะวรรณ ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับชุดสืบสวน จากนั้น พ.ต.อ.อิทธิพล วางกรอบการทำงานของชุดสืบสวนแบ่งหน้าที่กันทำงานแสวงหาพยานหลักฐานรวมถึงการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ กระทั่งทราบว่า

วันที่ 4 มี.ค.68 ในช่วงเวลาบ่าย น.ส.ปิยะวรรณ ติดต่อหา น.ส.ภัทราภรณ์ นัดหมายเจอกันที่ตัวเมืองนครปฐม จนกระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น. ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 สีขาว ทะเบียน 1 กล 6xxx เพชรบูรณ์ พากันไปที่ รพ.นครปฐม

ต่อมาเวลาประมาณ 00.34 น.ของวันที่ 5 มี.ค.68 น.ส.ปิยะวรรณขับขี่รถจักรยานยนต์ มี น.ส.ภัทราวรรณ ซ้อนท้ายออกจาก รพ.

นครปฐม เดินทางไปยังบ้านของ น.ส.ภัทราภรณ์ โดยมีนายณรงค์ชัย หรือเลย์ อายุ 26 ปี สามีขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นแกรนฟีราโน่ สีเทา ทะเบียน 1 กส 7xxx

นครปฐม ติดตามไปด้วย โดยทั้งสามคน กล้องวงจรปิดตัวบริเวณร้านขายของชำ เลยวัดทุ่งน้อย บันทึกภาพได้

หลังจากนั้นวันที่ 5 มี.ค.68 น.ส.ภัทราภรณ์ ได้แฮกเฟซบุ๊กของ น.ส.ปิยะวรรณ ทำทีพูดคุยกับสามีของ น.ส.ปิยะวรรณ ตั้งแต่วันที่ 5 – 12 มี.ค.68 หลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีของ น.ส.ภัทราภรณ์ 5 ครั้ง บัญชีของนายณรงค์ชัย 2 ครั้ง และบัญชีคนขายมือถือ 1 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 67,400 บาท กระทั่งสามีเพิ่งรู้ว่าไม่ใช่เฟซบุ๊กของภรรยา

วันที่ 17 มี.ค.68 ชุดสืบสวน  สภ.นครชัยศรี เชิญตัว น.ส.ภัทราภรณ์ และนายณรงค์ชัย มาสอบถามที่ สภ.นครชัยศรี ยังไม่พบหลักฐานชัดเจน จึงต้องให้กลับบ้านพักไป โดยวันที่ 18 มี.ค.68 ชุดสืบสวนเข้าตรวจค้นบ้านของ น.ส.ภัทราภรณ์ ตรวจค้นพบเครื่องกระสุนจำนวนหลายรายการ ตรวจยึดส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ดอนตูม และตรวจยึดรถจักรยานยนต์ของ น.ส.ปิยะวรรณ ที่ขับขี่ไปเมื่อวันที่ 4 มี.ค.68 โดย น.ส.ภัทราภรณ์ อ้างว่า น.ส.ปิยะวรรณ นำรถจักรยานยนต์มาจำนำในราคา 12,000 บาท

ต่อมาชุดสืบสวน สภ.นครชัยศรี พบเจ้าของร้านโทรศัพท์มือถือที่ห้าฃสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จ.นครปฐม ทำให้ทราบว่า น.ส.ภัทราภรณ์

มาซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่จากร้านขายโดยหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีของเจ้าของร้าน และนำโทรศัพท์มือถือของ น.ส.ปิยะวรรณ มาขายทำให้ชุดสืบสวนเชื่อว่าการหายตัวไปของ น.ส.ปิยะวรรณ ซึ่ง น.ส.ภัทราภรณ์ และนายณรงค์ชัย จะต้องมีส่วนอย่างแน่นอน จึงรีบ

ไปบ้านของ น.ส.ภัทราภรณ์ เพื่อจะเชิญตัวไปสอบถาม แต่พบว่าสามีภรรยาคู่นี้ไม่อยู่บ้านและไม่สามารถติดต่อได้

ต่อมาวันที่ 19 มี.ค.68 ชุดสืบสวน สภ.นครชัยศรี ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในเส้นทาง และรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงเชิญคนใกล้ชิดของ น.ส.ภัทราภรณ์ มาพบพนักงานสอบสวน โดยคนใกล้ชิด

ยืนยันว่ารถจักรยานยนต์ของ น.ส.ปิยะวรรณ ที่ชุดสืบสวน ยึดมานั้น นายณรงค์ชัย เป็นคนเอามาเมื่อคืนต้นเดือน มี.ค.68 จากนั้นวันที่ 21 มี.ค.2568 พนักงานสอบสวนสภ.นครชัยศรี รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ น.ส.ภัทราภรณ์ และนายณรงค์ชัย จากศาลจังหวัดนครปฐม ในข้อหา “ ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ” และสืบสวนทราบว่าสามีภรรยาคู่นี้

หลบหนีไปอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ จึงได้ประสานให้ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ จับสามีภรรยาคู่นี้ได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่

ต่อมาวันที่ 22 มี.ค.68 ชุดสืบสวน สภ.นครชัยศรี เดินทางไปรับตัว พร้อมซักถามขยายผลกับ น.ส.ภัทราภรณ์ และนายณรงค์ชัยรับว่าได้ฆาตกรรม น.ส.ปิยะวรรณตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 5 มี.ค.2568 โดยนายณรงค์ชัย ใช้มือบีบคอจนเสียชีวิต จากนั้นเอาผ้าห่มคลุมร่าง

นำไปเผาบริเวณหลังบ้าน โดยใช้น้ำมันราด แล้วจุดไฟเผาทีละน้อย ตั้งแต่เวลา 05.00 น.จนถึงช่วงเย็นของวันที่ 5 มี.ค.68 แล้วนำกระดูกส่วนขาชิ้นใหญ่ ใส่กระเป๋านำไปทิ้งคลองชลประทาน เส้นทางไปวัดพะเนียงแตก

ส่วนสาเหตุที่ลงมือฆาตกรรมเผาอำพรางร่าง น.ส.ปิยะวรรณ โดยสามีภรรยาคู่นี้อ้างว่า น.ส.ปิยะวรรณ ชอบทวงเงินหนี้สิน และ น.ส.ภัทราภรณ์ หลอก น.ส.ปิยะวรรณ ว่าสามารถฝากงานเข้าทำงานที่ รพ.แห่งหนึ่งได้หลายครั้งแต่ก็ยังเข้าทำงานไม่ได้ และ น.ส.ปิยะวรรณ ใช้คำพูดรุนแรง และกลัวว่า น.ส.ปิยะวรรณ จะไปแจ้งความในเรื่องหลอกพาเข้าทำงาน ก็วางแผนลวง น.ส.ปิยะวรรณ ให้ไปที่บ้านของ น.ส.ภัทราภรณ์ เพื่อฆาตกรรมอำพรางร่างของเจ้าหนี้

ขอให้ผู้ตายไปสู่สุคติ ส่วนคนทำผิดก็ต้องชดใช้กรรม