ฐานแตก! ไซเบอร์บุกทลายเว็บพนันแก๊งไต้หวัน “sbfplay” พบเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท

คณะตำรวจไซเบอร์ นำกำลังบุกทลายเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ “sbfplay” ของชาวไต้หวัน – พบเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท พร้อมรวบผู้ต้องหากว่า 20 ราย

วันนี้ (4 ก.พ.68) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมด้วยคณะตำรวจไซเบอร์ ร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์บุกทลายฐานเว็บพนันชาวไต้หวันรายใหญ่กลางกรุง พบเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้านต่อปี พร้อมจับกุมผู้ต้องหาชาวไต้หวันและผู้ร่วมขบวนการกว่า 20 ราย 

หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สืบสวนพบเว็บไซต์พนันออนไลน์ผิดกฎหมาย เครือข่าย “sbfplay bet” โดยได้มีการประกาศโพสต์โฆษณา หรือชักชวนให้ผู้อื่นหรือประชาชนทั่วไปเข้าเล่นการพนันออนไลน์หลายประเภท พร้อมตรวจสอบข้อมูลทางการเงินเบื้องต้น พบยอดเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทต่อปี 

จากข้อมูลสืบสวนพบว่า เว็บไซต์ดังกล่าวมีชาวไต้หวันรายหนึ่งเป็นผู้รับผลประโยชน์ โดยใช้วิธีการเขียนโปรแกรมหน้าเว็บไซต์แสดงเป็นเว็บไซต์รับซื้อขายภาพ NFT แต่เมื่อคลิกเข้าไปกลับพบข้อมูลหลังบ้านเป็นเว็บไซต์พนันออนไลน์ ชื่อเว็บไซต์ sbfplay.bet  

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งขบวนการได้ จำนวน 14 ราย ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ตั้งแต่ผู้รับผลประโยชน์ลงมาจนถึงบัญชีม้า และได้ขออำนาจศาลออกหมายค้นพื้นที่เป้าหมายในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้จำนวน 4 จุด กระทั่งช่วงเช้ามืดของวันที่ 4 ก.พ.68 คณะตำรวจไซเบอร์ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายทั้ง 4 จุด ดังนี้ 

จุดที่ 1 บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่แขวงวังทองหลาง กทม. ซึ่งเป็นที่ตั้งของออฟฟิศ ผลการตรวจค้น พบหัวหน้า Admin เว็บไซต์พนันดังกล่าวเป็นชาวต่างชาติ 3 ราย และ เจ้าหน้าที่ Admin เว็บพนันอีกกว่า 20 ราย พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือจำนวน 33 เครื่อง และบัญชีธนาคารทั้งไทยและต่างประเทศ 

จุดที่ 2 บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่แขวงพลับพลา กทม. พร้อมจับกุมนายธนกิจ อายุ 22 ปี พร้อมตรวจยึดรถหรู , อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และบัญชีธนาคารของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ 

จุดที่ 3 ห้องพักชั้น 3 ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง ซอยประชาอุทิศ 13 เขตห้วยขวาง กทม. พร้อมตรวจยึดซิมการ์ดโทรศัพท์ผู้ให้บริการของประเทศลาวและไทยกว่า 20 ซิม พร้อมธนบัตรเงินสกุลลาว เวียดนาม และไทย  

จุดที่ 4 ห้องพักชั้น 4 ในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านรัชดา-ห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม. จับกุม MR.HSU สัญชาติไต้หวัน อายุ 51 ปี พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ บัญชีธนาคาร บัตร ATM และหลักฐานสำคัญอื่นๆ 

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 3 ราย และอยู่ระหว่างควบคุมตัวแอดมินที่เกี่ยวข้องกว่า 20 ราย เพื่อสอบปากคำ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลและขยายผล คาดว่าจะได้ตัวผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้ เพื่อส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป