
กรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ Zero Day Operation จัดระเบียบที่พักผิดกฎหมาย “คอนโดปล่อยเช่ารายวัน” ดำเนินคดีทั้งคนไทยและทุนต่างชาติ 3 แห่ง พื้นที่พัทยา!!!

สืบเนื่องจากที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีทุนต่างชาติ ได้ลงทุนห้องพักอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) จำนวนหลายห้อง เพื่อนำมาปล่อยเช่ารายวันในลักษณะโรงแรม อันเป็นความผิดฐานประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 4, 15 และ 59 พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2547 และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนรำคาญจากกรณีดังกล่าว มาร้องเรียน/ร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรม กรมการปกครอง

กรมการปกครองเข้าตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขความเดือนร้อนโดยทันที ซึ่งเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา ได้มีการดำเนินคดีกับคอนโดมิเนียม ที่กระทำในลักษณะโรงแรมผิดกฎหมาย จำนวน 4 แห่งในพื้นที่ กทม. ย่านประตูน้ำและสุทธิสาร และในวันที่ 12 มี.ค. 68 ได้ดำเนินคดีกับคอนโดมิเนียม จำนวน 4 แห่ง ในพื้นที่ กทม. ย่านสุขุมวิท

ล่าสุด วันนี้ (26 มี.ค. 68) ภายใต้การอำนวยการของ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง ได้สั่งการให้ชุดเฉพาะกิจปราบปรามการปล่อยเช่าอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) รายวัน นำโดย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง นำกำลังพนักงานฝ่ายปกครอง จากสำนักการสอบสวนและนิติการ ร่วมกับ นายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง ปลัดอำเภอและสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี และ สภ.เมืองพัทยา เข้าตรวจสอบอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) จำนวน 3 แห่ง ในพื้นที่อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่ง 2 ใน 3 แห่ง มีผู้ที่นำห้องของอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) มาปล่อยเช่ารายวันผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้ง facebook , airbnb และ agoda ซึ่งมีพฤติกรรมหลบเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่ โดยการนำกุญแจหรือคีย์การ์ดห้องพัก มาใส่ไว้ในตู้รับฝากสิ่งของอัตโนมัติของอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) และนัดแนะให้ผู้เข้าพักดำเนินการเข้าพักด้วยตัวเอง

เจ้าพนักงานจึงได้รวบรวมหลักฐาน ได้แก่ เอกสารการจองห้องพัก (Booking) หลักฐานการโอนเงินค่าเช่าพักรายวัน เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในห้องชุด ฯลฯ แล้วร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดและผู้ร่วมกระทำผิด ในความผิดตาม พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2547 มาตรา 4, 15 และ 59 มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ ตลอดจนจะส่งข้อมูลให้สำนักงานที่ดิน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (เมืองพัทยา) สรรพากรพื้นที่ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เอาผิดตามกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบต่อไปอีกด้วย

โดยทั้ง 3 แห่ง เจ้าพนักงานได้กระจายกำลังเข้าตรวจสอบ และดำเนินคดีโดยมีรายละเอียด ดังนี้
เป้าหมายที่ 1 นายพิพัฒน์ยชญ์ วัชฤทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนกำกับและตรวจสอบ และนายสานุพัฐ เด่นธรรม ผู้อำนวยการส่วนการอนุญาตโรงแรมและกฎหมายสถานบริการ พร้อมด้วยพนักงานฝ่ายปกครองจากสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ปลัดอำเภอบางละมุง สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) ย่านพัทยากลาง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ตามที่ได้รับข้อร้องเรียนจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมคอนโดมิเนียมแห่งนี้ ซึ่งได้รับความเดือดร้อนรำคาญเนื่องจากมีผู้นำห้องในอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) มาปล่อยเช่ารายวันให้แก่นักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เกรงว่าผู้อยู่อาศัยในอาคารจะไม่ได้รับความปลอดภัยและไม่สะดวกกับการใช้พื้นที่ส่วนกลาง เจ้าพนักงานจึงได้แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวทำการจองห้องพักจำนวน 1 ห้อง ผ่านแอปพลิชัน AirBnB ในวันที่ 26 มีนาคม 2568 เป็นเวลา 1 คืน ในราคาห้องละ 121.49 USD ต่อมา สายลับได้ทำการติดต่อแอดมินผ่าน AirBnB โดยแอดมินแจ้งขั้นตอนการเช็คอิน แก่สายลับโดยให้เข้ามาที่ตึก B บริเวณตู้จดหมายบริเวณล๊อบบี้ของอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) และแอดมินแจ้งหมายเลขห้องและหมายเลขกล่องจดหมาย ระบุหมายเลข 1094 ซึ่งภายในกล่องจดหมายหมายเลข 1094 พบว่ามีคีย์การ์ด พร้อมกุญแจ จำนวน 2 ชุด โดยให้สายลับใช้คีย์การ์ดเพื่อขึ้นนลิฟท์ไปยังชั้นที่ 24 และใช้กุญแจในการเปิดห้องพัก จากนั้นสายลับได้ทำทีติดต่อไปยังแอดมินอีกครั้ง เพื่อขอเปิดห้องพักเพิ่มอีก 1 ห้อง โดยทำทีว่าต้องการดูห้องก่อนทำการจอง แอดมินจึงได้ให้นางสาวเอ (นามสมมติ) สัญชาติเมียนมา นำกุญแจไปวางไว้ให้ในตู้จดหมาย
เจ้าพนักงานจึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบพบว่า หมายเลขโทรศัพท์ที่สายลับใช้ในการติดต่อเพื่อเข้าพัก พบว่าหมายเลขดังกล่าวได้ผูกกับบัญชีพร้อมเพย์ชื่อบัญชี นางสาวโอ (นามสมมติ) สัญชาติไทย ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับแอดมินสำหรับเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องพักยังไม่ปรากฏข้อมูลในชั้นสืบสวนจับกุม เนื่องจากนิติบุคคลอาคารชุดปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูล จากนั้นเจ้าพนักงานจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และเชิญตัวนางสาวเอ (นามสมมติ) สัญชาติเมียนมา มาให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ โดยได้ร้องทุกข์กล่าวโทษนางสาวโอ (นามสมมติ) สัญชาติไทย และเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องพัก ในความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่มีใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ. โรงแรมฯ มาตรา 4, 15 และ 59 ต่อพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและสอบสวนขยายผลต่อไป

เป้าหมายที่ 2 นายนพดล เจริญวัย เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานตรวจสอบการกระทำความผิด 2 พร้อมด้วยพนักงานฝ่ายปกครองจากสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ปลัดอำเภอบางละมุง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) ย่านพัทยาสาย 2 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี และจากการสืบสวนยังพบว่า มีชาวต่างชาติเป็นผู้ถือครองห้องชุดในอาคารจำนวนหลายห้อง และมี Agency ช่วยจัดการนำห้องพักในอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) ปล่อยเช่ารายวันแก่นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่สนใจ เจ้าพนักงานจึงได้แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว ทำการจองห้องพักจำนวน 1 ห้อง ผ่านเว็บไซต์ Agoda ในวันที่ 26 มีนาคม 2568 เป็นเวลา 1 คืน ในราคาห้องละ 1,658.07 บาท โดยได้ติดต่อกับบุคคลใช้ชื่อว่า YI BEI ไม่ระบุว่าเป็นบุคคลสัญชาติใด สื่อสารโดยใช้ภาษาอังกฤษ ต่อมา สายลับได้ติดต่อแอดมินซึ่งเป็นบุคคลสัญชาติไทย ให้ไปรับคีย์การ์ดที่ตู้จดหมายบริเวณล๊อบบี้ของอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) หมายเลข 29 ซึ่งเป็นหมายเลขเดียวกันกับหมายเลขห้องพัก และได้รับแจ้งรหัสแปดหลักสำหรับการเปิดประตูห้องพักดังกล่าว เมื่อสายลับเข้าไปภายในห้องพบว่าลักษณะห้องเป็นห้องพักแบบสตูดิโอ หนึ่งห้องน้ำ ภายในมีเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ พร้อม ผ้าขนหนู น้ำดื่ม ลักษณะคล้ายเป็นห้องพักของโรงแรมทั่วไป
จากที่เจ้าพนักงานได้ตรวจสอบ พบว่าเอกสารระบุชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุดเป็นชื่อของบุคคลสัญชาติไทย เจ้าพนักงานจึงได้จัดทำบันทึกตรวจยึด รวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมทั้งร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลใช้ชื่อว่า YI BEI ไม่ระบุว่าเป็นบุคคลสัญชาติใด เจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องพัก และผู้ที่เกี่ยวข้องในความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่มีใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ. โรงแรมฯ มาตรา 4, 15 และ 59 ต่อพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและสอบสวนขยายผลต่อไป

เป้าหมายที่ 3 นายอิทธิชัย คัชกรณ์ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานตรวจสอบการกระทำความผิด 1 พร้อมด้วยพนักงานฝ่ายปกครองจากสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ปลัดอำเภอบางละมุง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) ย่านจอมเทียนพัทยา จอมเทียนสาย 2 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ตามที่ได้รับข้อร้องเรียนจากผู้อยู่อาศัยในอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) นี้ที่ได้รับความเดือดร้อนรำคาญ เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าออกอาคารไม่ซ้ำหน้าตลอดเวลา เกรงว่าผู้อยู่อาศัยในอาคารจะไม่ได้รับความปลอดภัยและไม่สะดวกกับการใช้พื้นที่ส่วนกลาง และสืบทราบว่ามีนำห้องในอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) มาปล่อยเช่ารายวัน ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ Facebook อย่างเปิดเผย เจ้าพนักงานจึงได้แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว เทำการจองห้องพักจำนวน 1 ห้อง จากผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน Facebook ชื่อว่า “อยู่ ตรงนี้” มีการนำเอาห้องชุดคอนโดฯ ดังกล่าว มาโฆษณาผ่านแอพลิเคชั่น Facebook ให้ลูกค้าสำหรับเข้าพักรายวัน ในกลุ่มชื่อว่า “ที่พักพัทยา หาดจอมเทียน” และให้ช่องทางการติดต่อผ่าน ID Line หมายเลขโทรศัพท์หนึ่ง โดยได้ทำการจองห้องพักในวันที่ 26 มีนาคม 2568 เป็นเวลา 1 คืน ในราคาห้องละ 1,500 บาท เมื่อสายลับเดินทางมาถึงคอนโดเป้าหมาย สายลับได้รับรหัสเปิดตู้ล๊อกเกอร์จาก นางสาวซี (นามสมมติ) บุคคลสัญชาติไทย ให้รับกุญแจจากตู้ล็อกเกอร์ใต้อาคารชุด โดยใส่รหัสที่ได้รับ จากนั้นสายลับได้เข้าไปยังห้องพักหมายเลข C 117 ชั้น 1 อาคาร C
จากการตรวจสอบพบว่ามีลักษณะเป็นห้องแบบหนึ่งห้องนอน มีผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์สำหรับใช้วันต่อวัน ลักษณะเหมือนห้องพักโรงแรม เจ้าพนักงานจึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบพบว่า เจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องพักดังกล่าวเป็น ของบุคคลสัญชาติไทย จากที่ได้ทำการมัดจำการจองห้องพักในจำนวนเงิน 500 บาท ได้ชำระเงินผ่านบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชีเป็นของนางสาวซี (นามสมมติ) และหมายเลขโทรศัพท์ที่และID LINE ใช้ในการติดต่อเป็นของนางสาวซี (นามสมมติ) เช่นเดียวกัน เจ้าพนักงานจึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน ทำบันทึกตรวจยึด พร้อมทั้งร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องพัก และนางสาวซี (นามสมมติ) ในความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่มีใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ. โรงแรมฯ มาตรา 4, 15 และ 59 ต่อพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและสอบสวนขยายผลต่อไป

ทั้งนี้ กรมการปกครองจะขับเคลื่อนนโยบายปราบปรามการปล่อยเช่าอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) รายวันเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง โดยให้ทุกจังหวัดบูรณาการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการออกตรวจตราเข้มงวดกวดขันผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมในพื้นที่ให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายโดยเคร่งครัด , ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดกับโรงแรมที่มีใบอนุญาตแต่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ , สอดส่องดูแลเจ้าของอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) และสถานที่พักอื่นในพื้นที่ไม่ให้นำห้องพักมาเปิดให้บริการในลักษณะเช่นโรงแรม และ กำชับให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือผู้จัดการโรงแรมในพื้นที่ ซึ่งรับคนต่างด้าวเข้ามาพักอาศัยให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ณสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ ที่ตั้งอยู่ในท้องที่ภายใน 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่ที่คนต่างด้าวเข้าพักอาศัย นอกจากนี้ กรมการปกครองจะได้ประสานงานกับกรมที่ดินให้แจ้งนิติบุคคลอาคารชุดเพื่อสอดส่องดูแลดำเนินการตามกฎหมาย รวมทั้งจะมีการสร้างการรับรู้ในการดำเนินตามกฎหมายให้กับประชาชนผ่านสื่อต่าง ๆ เป็นต้น เพื่อสร้างสังคมที่มั่นคงปลอดภัยให้มีความสงบสุข

ขอประชาสัมพันธ์พร้อมสร้างความรับรู้แก่ประชาชนให้ทราบว่า การนำห้องในอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) มาปล่อยเช่ารายวัน เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย หากพบการกระทำความผิดหรือได้รับความเดือดร้อนรำคาญจากการกระทำในลักษณะดังกล่าว สามารถร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสได้ที่ ศูนย์ดำรงธรรม กรมการปกครอง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หรือ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด/อำเภอ ทุกแห่งทั่วประเทศเพื่อพนักงานฝ่ายปกครองจักได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและแก้ไขปัญหาโดยเร็วต่อไป

















