
จากคดีคนหายนานกว่า 1 เดือนกลายเป็นคดีฆ่าพ่อแม่ลูก อำพรางในรถยนต์กระบะ จอดทิ้งไว้หน้าบ้านร้างหลังหนึ่ง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร หลังรับแจ้งเหตุสะเทือนขวัญตำรวจใช้เวลา 24 ชั่วโมงจับสองฆาตกรโหด
คดีสะเทือนขวัญหลังจากตำรวจ สภ.คลองขลุง รับแจ้งเหตุ พบร่างของนายวงศกร อายุ 37 ปี , น.ส.นันทกานต์ อายุ 35 ปี และ ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 7 ขวบ ถูกยิงที่ศีรษะด้วยอาวุธปืนเสียชีวิตภายในรถยนต์กระบะโดยมีผ้าคลุมรถยนต์กระบะจอดไว้ในป่า บริเวณหน้าบ้านร้างหลังหนึ่ง

เบื้องหลังการคลี่คลายคดีนี้หลังตำรวจรับแจ้งและตรวจที่เกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผช.ผบ.ตร. สั่งการให้ชุดสืบสวน บก.สส.ภ.6 ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.กำแพงเพชร และ ชุดสืบสวน สภ.คลองขลุง เร่งติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุ
ชุดสืบสวนได้ร่วมกันประชุมเริ่มจากชุดสืบสวน สภ.คลองขลุง เก็บข้อมูลการสืบสวนตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค.2568 หลังรับแจ้งว่านายวงศกร , น.ส.นันทกานต์ และลูกชาย ขับรถยนต์กระบะหายออกบ้านไม่สามารถติดต่อได้ ประกอบกับมีชายคนหนึ่งเฝ้าเถียงนาในพื้นที่ อ คลองขลุง ช่วงกลางคืนของวันที่ 12 ม.ค. ได้ยินเสียงรถยนต์กระบะ และรถจักรยานยนต์ ขับเข้ามาใกล้เถียงนาที่เฝ้าอยู่
จากนั้นได้ยินเสียงการพูดคุยกันสักพักได้ยินเสียงปืนดัง 1 นัด และได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนว่า “ยิงเขาทำไม” และได้ยินเสียงเด็กผู้ชายตะโกนว่า “พ่อ” จากนั้นได้ยินเสียงรถยนต์กระบะ และรถจักรยานยนต์ขับออกไป ซึ่งชายที่เฝ้าเถียงนา ได้โทรศัพท์มือถือเล่าให้เพื่อนฟัง กระทั่งเช้าวันที่ 13 ม.ค. แจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบพบเพียงกองเลือด แต่ตำรวจยังไม่แน่ชัดว่ามีใครได้รับอันตรายถึงชีวิตหรือไม่?
ชุดสืบสวน สภ.คลองขลุง พยายามติดตามหาทุกเบาะแสของพ่อแม่ลูกครอบครัวนี้เรื่อยมา มีเพียงข้อมูลบางส่วนที่พอเป็นประโยชน์ในห้วงเวลาก่อนที่ครอบครัวนี้หายตัวไปจนกระทั่งพบร่างถูกฆ่าอำพรางคดีในช่วงสายของวันที่ 13 ก.พ.2568
ชุดสืบสวน บก.สส.ภ.6 และชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.กำแพงเพชร แบ่งทีมหาข้อมูลและเชิญตัวคนใกล้ชิด และคนใกล้ตัวของนายวงศกร และ น.ส.นันทกานต์ มาซักถาม
1 ในนั้นคือน้องชายของ น.ส.นันทกานต์ ให้เบาะแสโดยบอกว่า วันที่ 18 ม.ค.2568 มีบุคคลส่งข้อความแปลก ๆ มาที่โทรศัพท์มือถือของตน โดยอ้างว่าเป็นพี่สาว ชุดสืบสวนเริ่มหาเบาะแสจากหมายเลขโทรศัพท์ที่ส่งข้อความจากนั้นชุดสืบสวนมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ว่า น.ส.”ป.” , นาย “ช.” ซึ่งเป็นแม่ลูกกัน มีความเชื่อมโยงกับหมายเลขโทรศัพท์ที่ส่งข้อความไปหาน้องชายของ น.ส.นันทกานต์
น.ส.”ป.” , นาย “ช.” ถูกเชิญตัวมาโดยชุดสืบสวนผลัดเปลี่ยนกันซักถาม ขณะเดียวกันชุดสืบสวนทราบข้อมูลว่านายวงศกร เคยรับจำนำปืนจากนายศิวกร ในราคา 7,000 บาท และนายศิวกร รู้จักกับน้องชายของ น.ส.นันทกานต์
นายศิวกร ถูกเชิญตัวมาซักถาม ระหว่างตอบคำถามหลายประเด็นนายศิวกร ท่าทีมีพิรุธ โดยเฉพาะการถามเรื่องปืนบีบีกัน ขณะเดียวกันชุดสืบสวน ได้
หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพิ่มเติมว่า โทรศัพท์มือถือส่วนตัวของนายศิวกร เคยใช้ซิมการ์ดหมายเลขโทรศัพท์ที่ส่งข้อความแปลก ๆ ไปหาน้องชายของ น.ส.นันทกานต์ !!

นายศิวกร แสดงท่าทีพิรุธมากขึ้นประกอบกับแฟนสาวของนายศิวกร นั่งร้องไห้หลังจากชุดสืบสวนให้นายศิวกร รู้ว่าชุดสืบสวนมีหลักฐานและให้นายศิวกร นำพาชุดสืบสวนไปตรวจค้นบ้านพัก และขอให้นายศิวกร เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอที่กระพุ้งแก้ม
นายศิวกร หน้าถอดสีก่อนบอกกับชุดสืบสวนว่า เป็นผู้ก่อเหตุฆ่าพ่อแม่ลูก เพราะรับปากว่าจะให้ยืมเงิน 100,000 บาท แต่เมื่อถึงเวลาก็ไม่ให้จึงถกเถียงกัน
” รู้จักเขาว่าปล่อยกู้เคยเอาปืนบีบีกันไปจำนำไว้ ครั้งนี้ขอยืมเงิน 100,000 บาท เขารับปากจะให้ยืม แต่สุดท้ายไม่ให้ยืม วันเกิดเหตุนัดเจอกันแล้วเถียงกันเหลือบเห็นปืนบีบีกันที่จำนำไว้ก็หยิบมาแล้วยื้อแย่งกันจึงยิงที่ศีรษะเขา หลังเสียชีวิต ภรรยาเขาตะโกนว่า ยิงเขาทำไม ลูกชายเขาตะโกนเรียกพ่อ จากนั้นบอกให้ภรรยาเขายกร่างสามีไว้ที่แค๊ปที่นั่งด้านหลังแต่ภรรยาเขาไม่ทำ จึงให้เข้ (นายนิรุตย์) ยกร่างเขาไว้ที่แค๊ปที่นั่งด้านหลัง จากนั้นใหเข้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากตรงนั้น ให้ภรรยาและลูกเขานั่งเบาะหน้าด้านซ้ายลูกชายเขานั่งบนตักแม่ ก็ขับรถยนต์กระบะออกมาไล่เลี่ยกับเข้ ระหว่างทางปืนบีบีกันวางที่เกียร์รถยนต์กระบะ ภรรยาเขาพยายามหยิบ ก็ยื้อแย่งกันแต่ปืนลั่นถูกศีรษะลูกชายเขากระสุนทะลุกระจกด้านซ้าย ตอนนั้นโมโมจึงยิงที่ศีรษะภรรยาเขา จากนั้นก็ขับรถไปจอดที่ป่าหน้าบ้านร้างเอาผ้าคลุมรถที่อยู่ในรถกระบะมาคลุมรถ แล้วเอาปืนโยนทิ้งสระน้ำ เอากุญแจรถโยนทิ้งที่ปากทางเข้าบ้านร้าง ” นายศิวกร อ้าง

นายศิวกร อ้างกับชุดสืบสวนอีกว่า หลังเกิดเหตุได้นำทรัพย์สินของผู้เสียชีวิต ไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่ง ได้เงินกว่า 100,000 บาท จากนั้นทำตัวตามปกติ แล้ววางแผนให้นาย “ช.” เอาซิมโทรศัพท์มาใส่โทรศัพท์มือถือของตนเองแล้วส่งข้อความไปหาบอล (น้องชายของ น.ส.นันทกานต์) หลังที่เกิดเหตุประมาณ 5 วัน จากนั้นก็ทำตัวตามปกติ จนกระทั่งตำรวจรับแจ้งพบร่างทั้งสามราย
ต่อมานายศิวกร สมัครใจยอมทำบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และชุดสืบสวนได้ติดตามนายนิรุตย์ เชิญมาซักถามก็ให้ข้อมูลสอดคล้องกับนายศิวกร พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานและรายงานการสืบสวนยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดกำแพงเพชร พิจารณาออกหมายจับ โดยศาลได้ออกหมายจับที่ 61/2568 ให้จับนายศิวกร หรือโน๊ต อายุ 27 ปี และหมายจับที่ 62/2568 ลงวันที่ 15 ก.พ.2568 ให้จับนายนิรุตย์ หรือเข้ อายุ 25 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , ร่วมกันรอบฝัง ซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดการตายหรือเหตุแห่งการตาย , ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน , ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกัน พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาตไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนอันสมควรแก่พฤติการณ์”