เปิดผลชันสูตร คดีฆ่าซุกรถ จ.กำแพงเพชร พบ พ่อ-แม่-ลูก ถูกเข้าที่หัวทั้งหมด 

เร่งคลี่คลายคดี ฆ่าอำพราง 3 ศพซุกรถ จ.กำแพงเพชร พบ พ่อ-แม่-ลูก ถูกเข้าที่หัวทั้งหมด ตร.เรียกเจ้าของปืนที่นำมาให้ผู้ตาย มาสอบเข้ม เจ้าตัว อ้าง! นำมาจำนำ

คืบหน้าเหตุการณ์สุดสลด ฆ่าอำพราง 3 ศพ พ่อแม่ลูก ซุกรถ จ.กำแพงเพชร   

วันนี้ (14 ก.พ.68)  พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ รอง ผบช.ภ.6 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร ยังคงประชุมติดตามความคืบหน้าในการสืบสวน เพิ่มเติม โดยจะมีการนำเครื่องด๊อง หรือชุดเครื่องมือค้นหาโทรศัพท์ระยะใกล้ มาใช้ในการสืบสวนสะกดรอยเส้นทางการใช้โทรศัพท์มือถือของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย 



ส่วนผลชันสูตรศพทั้ง 3 ศพ พ่อแม่ลูก พบถูกอาวุธปืนยิงที่ศีรษะทั้งหมด โดยพ่อพบบาดแผลกระสุนปืนที่ศีรษะ แม่พบบาดแผลกระสุนปืนที่ศีรษะ และลูกพบบาดแผลกระสุนปืนที่ศีรษะเช่นกัน ส่วนจะเป็นอาวุธปืน ชนิดและขนาดใดนั้น ยังต้องรอผลนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดอีกครั้ง แต่มีความเป็นไปได้ประมาณ 70%   

ขณะที่เฟซบุ๊ก นายสุพัฒน์ ลูกพี่ลูกน้อง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ผลชั้นสูตรออกมารู้ว่าเป็นปืนบีบีกันแปลง คงมีไม่กี่คนหรอกมั้งที่ผมพอจะรู้จัก” 

โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีได้ประชุมกันนานกว่า 2 ชั่วโมง พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ รอง ผบช.ภาค 6, พลตำรวจตรี โอภาส คงเมือง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร ,พ.ต.อ.เอนก จันทร์สอน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร,พ.ต.อ.รัฐศรัณย์ เกตุสิงห์สร้อย ผู้กำกับการ สภ.คลองขลุง ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ขณะนี้ตำรวจนำบุคคลที่ต้องสงสัยมาสอบปากคำ โดยให้การว่า  ได้เอาปืนมาจำนำกับผู้ตาย ซึ่งตำรวจเชื่อว่าเป็นปืนกระบอกเดียวกันกับที่ใช้ก่อเหตุ โดยบุคคล ที่นำมาสอบปากคำในวันนี้ ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และตำรวจสืบทราบว่า มีความสนิทสนมกับน้องชายของผู้ตายด้วย  

ส่วนประเด็นเรื่องเบอร์โทรศัพท์ปริศนานั้น ยืนยันว่า เป็นเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนด้วยคนงานชาวพม่า และคนไทย ซึ่งเป็นบุคคลปริศนาซื้อมาใช้เพื่อส่งข้อความมาหาน้องชาย รวมถึงยังมีการเชื่อมโยงโทรไปหาบุคคลอื่นๆ ซึ่งในส่วนนี้ตำรวจได้มีการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้  

ส่วนอาวุธปืน จะเป็นปืนบีบีกันดัดแปลง ที่ผู้ตายเป็นผู้ครอบครองหรือไม่นั้น ตำรวจยังไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจากตำรวจยังไม่พบปืนที่ใช้ก่อเหตุ 

ต่อมา ตำรวจ สภ.คลองขลุง ได้เรียก นายศิวกร หรือโน๊ต เพื่อนของโป๊งเหน่ง หรือบอล น้องชายของหนึ่งในผู้ตาย มาสอบปากคำกว่า 6 ชั่วโมง เนื่องจากมีข้อมูลว่าเป็นบุคคลที่นำปืนมาให้ผู้ตาย โดยอ้างว่าเอาปืนมาจำนำกับผู้ตาย โดยตำรวจสอบเข้มตลอดทั้งวัน ไม่ให้ข้อมูลกับผู้ใดทั้งสิ้น  

จากนั้น ในเวลา 17.00 น. ตำรวจจะพาตัวออกมาเก็บดีเอ็นเอ ตรวจร่างกายเพื่อหารอยตำหนิต่างๆ ซึ่งระหว่างคุมตัวออกจากห้องเก็บพยานหลักฐานนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม นายศิวกร ว่าเดินทางมาให้ปากคำเรื่องอะไร แต่นายศิวกรกลับตอบคำถามเพียงว่าตนยังไม่ใช่ผู้ต้องหา ยังไม่มีความผิด แค่เดินทางมาให้ปากคำกับตำรวจเท่านั้น 

ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงการนำปืนไปจำนำผู้ตาย แต่นายศิวกรไม่ยอมตอบคำถาม และเมื่อถามว่า ได้โทรออก หรือรับสายเบอร์ปริศนาของชาวพม่าหรือไม่ นายศิวกร ก็เผลอตอบมาว่า ตนโทรเป็นปกติทุกวันอยู่แล้ว แต่พอผู้สื่อข่าวย้ำ โทรปริศนา นายศิวกรเหมือนได้สติ มีอาการเออะอะ และไม่ได้ตอบคำถามอะไรอีก พร้อมพูดสั้นไว่า ผมก็รู้พร้อมๆ กับพวกพี่ ก่อนจะเดินเข้าห้องสอบสวนไปอีกครั้ง 

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดผลการสอบสวนนายศิวกรได้ว่ามีความเชื่อมโยงไปทางไดบ้าง?  

หากมีความคืบหน้าจะอัปเดตให้ทราบ