อัยการสั่งฟ้อง “โกทร-ลูกน้อง” ปมสังหาร สจ.โต้ง

โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยมีคำสั่งฟ้อง “โกทร” และลูกน้องรวม 8 คน คดีสังหาร สจ.โต้ง

จากกรณี (11 ธ.ค.67) ที่นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ “สจ.โต้ง” ถูกยิงเสียชีวิต ภายหลังเข้าพบนายสุนทร หรือ “โกทร” อดีตนายก อบจ.ปราจีนบุรี เพื่อเคลียร์ปัญหาส่วนตัว แต่สุดท้ายฝ่ายมือขวาของโกทรจะลงมือสังหาร สจ.โต้ง ล่าสุดมีความคืบหน้าทางคดีดังกล่าวแล้ว

(6 มี.ค. 68) นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2568 คดีที่นางณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือนายกจอย นายก อบจ.ปราจีนบุรี ภรรยา สจ.โต้ง ผู้เสียหายในคดีที่มีการกล่าวหานายธนศรัณย์กรณ์ , นายศักดิ์สิทธิ์ , นายธนภัทร , นายอภิสิทธิ์ , นายสิทธิชัย, นายภัทรนนท์ , นายสุนทร ผู้ต้องหาที่ 1-7  

ในความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันมีอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย , ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวโดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ , ร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน , ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันทำให้เสียหาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารใดในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน , เป็นซ่องโจร

และนางสาวมินช์ญารัศน์ ผู้ต้องหาที่ 8 ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ ถือเป็นคดีสำคัญตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 บัดนี้ สำนักงานคดีอาญา ได้ตั้งองค์คณะขึ้นพิจารณาสำนวนดังกล่าวและมีคำสั่ง ดังนี้ 

สั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 – 7 ในความผิดฐานเป็นซ่องโจร , ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันมีอาวุธปืนซึ่งนายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย, ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร  

สั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 – 6 ในฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน 

สั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 ในฐานความผิดมีเครื่องกระสุนปืนซึ่งมิใช่สำหรับใช้กับอาวุธปืนที่ตนได้รับใบอนุญาตให้มี และใช้ไว้ในครองครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย 

สั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 7 ในฐานความผิดเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 

สั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 8 ในฐานความผิดเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 

นอกจากนั้นพนักงานอัยการได้มีคำขอให้เพิ่มโทษผู้ต้องหาที่ 4 และมีคำขอให้ริบของกลางที่เจ้าพนักงานเก็บรักษาไว้ 

และสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 – 7 ในข้อหาร่วมกันทำให้เกิดความเสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งเอกสารใดในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน 

คดีดังกล่าวพนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา ได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 ต่อศาลอาญาแล้ว เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ (6 มี.ค. 2568) 

สำหรับกรณีสั่งไม่ฟ้องได้เสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1 ต่อไป