นายกฯ ไม่ปิดโอกาส จัด MotoGP สั่ง ก.ท่องเที่ยวฯ ศึกษารายละเอียดเพิ่ม

นายกฯ ระบุ ยังไม่ปิดโอกาส จัด MotoGP สั่ง ก.กระทรวง ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ขณะที่ กกท. ชี้แจง ไม่เคยบอกว่าจะไม่ต่อสัญญา

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ระบุว่า การจัดแข่งขันโมโตจีพีปี 2026 จะเป็นปีสุดท้าย เนื่องจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และรัฐบาลจะไม่สนับสนุนงบประมาณในการต่อสัญญา ว่า จะให้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปศึกษาในรายละเอียดเพิ่มเติม ยังมีโอกาส ขอดูอีกทีว่าจะทำอย่างไร ส่วนเหตุผลที่ไม่ต่อสัญญาต้องขอดูตัวเลขด้วย เดี๋ยวให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มาชี้แจงเป็นตัวเลขว่าเป็นอย่างไร และได้ประโยชน์กับประเทศบ้าง ซึ่งหากเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน โดยเฉพาะคนหมู่มากก็คงต้องทำต่อ แต่ถ้าไม่เป็นประโยชน์ ขาดทุนตัวเลข ก็ต้องดูก่อนว่าเป็นอย่างไร จะได้สนับสนุนงบประมาณถูก

ส่วนที่มีเสียงมีภาควิจารณ์ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง เพราะเป็นของ นายเนวิน ชิดชอบ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เรื่องเงินถ้าเข้าก็เข้าจังหวัดและเข้าประเทศ ถึงใครจะเป็นเจ้าของก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นธุรกิจของเขา แต่ต้องดูว่าประเทศได้อะไรบ้าง เข้าใจว่าเอกชนกับภาครัฐ บางทีต้องไปด้วยกัน ซึ่งจะขอดูรายละเอียด และความสมเหตุสมผล ทั้งนี้จะมองว่า เป็นเรื่องการเมืองก็ได้ แต่ นายกรัฐมนตรี ขอมองแบบธุรกิจและเรื่องของเงิน ว่าเข้าประเทศมากน้อยแค่ไหน ขอตัดสินแบบนั้น

กกท. ชี้แจงประเด็นข่าวการไม่ต่อสัญญาการเป็นเจ้าภาพโมโตจีพี ย้ำ! ไม่มีประโยคไหนที่บอกว่าจะไม่ต่อสัญญา

ขณะที่ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยถึงประเด็นข่าวที่ออกมาว่า กกท. จะไม่ต่อสัญญาการเป็นเจ้าภาพโมโตจีพี ที่สัญญาเดิมจะหมดในปี 2026 ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด จากการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในงานโมโตจีพีวันสุดท้ายของการแข่งขัน นั้น ได้ตอบสื่อมวลชนไปว่า ตอนนี้อยู่ในระหว่างการพูดคุย ซึ่งทางดอร์น่าเองก็ชื่นชมประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพว่าทำได้อย่างดีมาก ๆ เป็นหนึ่งในสนามที่ดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ส่วนทางรัฐบาลก็อยากให้มีการแข่งขันรายการใหญ่ ๆ ที่ส่งเสริมด้านกีฬาแล้วยังเสริมด้านการท่องเที่ยวได้ด้วย ทาง กกท. ก็จะนำสถิติตัวเลขต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปีนี้นำเสนอกับทางรัฐบาลที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ ต่อไป ซึ่งในการให้สัมภาษณ์ไม่มีประโยคไหนที่บอกว่าจะไม่ต่อสัญญาโมโตจีพี แต่อย่างใด

ดร.ก้องศักด เปิดเผยเพิ่มเติมว่า MotoGp ในปีนี้ เป็นปีที่ทุบสถิติในแทบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงเป็นประวัติการณ์เกินกว่า 5,000 ล้าน จำนวนผู้ชมที่สูงขึ้นเกือบ 7% การสร้างงานที่สูงขึ้น 12% และโดยเฉพาะการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 52,000 กว่าคน ที่สูงขึ้นประมาณ 38% สูงที่สุดตั้งแต่เริ่มจัดงานมา

จากการประเมินผลการจัดงานภาพรวมในเบื้องต้นไม่ว่าจะเป็นด้านมูลค่าทางเศรษฐกิจ, การจ้างงานและจำนวนผู้ชมที่สูงขึ้น รวมทั้งการชื่นชมการจัดการแข่งขันจากดอร์น่าเองก็ตาม แน่นอนว่าการแข่งขันการเป็นเจ้าภาพสูงขึ้น หลายประเทศก็จ่อคิวรออยู่ ถ้าไทยไม่ตัดสินใจ ก็มีหลายประเทศรออยู่ ซึ่งทุกอย่างต้องชัดเจนก่อน 1 ปี เพราะดอร์น่าจะต้องจัดการเรื่องสนามให้ลงตัว ถ้าไทยไม่เป็นเจ้าภาพต่อดอร์น่าก็จะต้องไปคุยกับประเทศอื่น ๆ แทน ซึ่งในเชิงปฏิบัติ กกท. เราพร้อมอยู่แล้ว ทั้งจากคำชมและมูลค่าทางเศรษฐกิจต่าง ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องนำเสนอให้ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจพิจารณาอีกที

ในการเจรจาเราได้มีการพูดคุยกับดอร์น่าว่าเราก็มีสนใจรายการอื่น ๆ อย่างเช่นรถยนต์สูตร1 (เอฟวัน) อยู่ ดังนั้นเราตอบไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะต่อสัญญาหรือไม่ ต้องมีการพูดคุยเชิงนโยบายอยู่ แต่สำหรับโมโตจีพีเราได้เห็นนักบิดไทยอย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ลงแข่งขัน ซึ่งก็อาจจะมีคนที่ 2-3-4 ตามมาได้ถ้ายังได้เป็นเจ้าภาพต่อไป ถ้าจะจัดทั้งสองรายการ ในแง่งบประมาณก็ต้องให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด รัฐบาลเองก็ให้ความสำคัญประเด็นนี้ ไม่อยากให้รัฐเป็นผู้ลงทุนฝ่ายเดียว อยากให้เอกชนมีบทบาทมากขึ้น โดยผู้สื่อข่าวเองก็ได้สอบถามว่า ถ้าได้เอฟวันเท่ากับจะไม่ต่อสัญญาโมโตจีพีหรือไม่ และผู้ว่าการ กกท. ได้กล่าวว่า อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะต้องเอาข้อมูลไปนำเสนอ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ เพราะตัวเลขมันดีขึ้น ดีกว่าก่อนยุคโควิดด้วย ซึ่งตัวเลขเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเชิงนโยบาย และขอย้ำอีกครั้งว่า ในการสัมภาษณ์เรื่องนี้ ไม่มีประโยคไหนที่บอกว่าจะไม่ต่อสัญญาโมโตจีพี แต่อย่างใด

แฟนๆนักบิด ติดตามเรื่องนี้กันต่อนะครับ