แฝดสายบุญ ท็อป-ไทด์ มอบเงินช่วยช้างตกงานเชือกละ 5 พันบาท

บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ และเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ประสานข้อมูล “เพจอีจัน” ช่วยเหลือช้างตกงานวิกฤตโควิด-19 จ.สุรินทร์


ช้างไม่รู้หรอกว่าโควิด ! มีผลกระทบและเดือดร้อนยังไง แต่เราต้องช่วยช้างเพื่อให้อยู่รอด ! วันนี้ผมลงพื้นที่ก็อยากให้กำลังใจควาญช้างตกงาน ว่า ยังมีคนไทยอีกหลายคนยังไม่ทิ้งกัน “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทีมข่าวอีจัน ระหว่างลงพื้นที่ช่วยเหลือช้าง วันนี้ ( 16 กรกฎาคม 63 ) ที่หมู่บ้านช้าง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์

ภาพจากอีจัน
นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ และนายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ดารานักแสดงคู่แฝดสายบุญ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ หลังทีมงานประสานข้อมูลกับเพจอีจัน เพื่อป้องกันการช่วยเหลือซ้ำซ้อน เนื่องจากก่อนหน้านี้สังคมเพจอีจันได้เข้ามาช่วยเหลือช้างตกงานไปแล้วในเรื่องของอาหารช้างในระยะฉุกเฉินเป็นเวลา 4 เดือน
ภาพจากอีจัน
พร้อมทีมงานจึงกระจายความช่วยเหลือในด้านอื่นๆเพิ่มเติม ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ เช่น มอบอุปกรณ์รักษาช้างให้กับโครงการคชอาณาจักร จังหวัดสุรินทร์ พร้อมมอบถุงยังชีพและเงินจำนวน 1 พัน ให้ครอบครัวควาญช้างต่อหนึ่งครอบครัว โดยเน้นความช่วยเหลือไปที่ช้างตกงาน ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านตากลาง บ้านหนองบัว บ้านตาทิตย์ ต.กระโพ อ.ทาาตูม ช่วยเหลือช้างตกงานเชือกละ 5 พันบาท และมอบถุงยังชีพให้กับครอบครัวควาญช้าง / ส่วนอีกหนึ่งหมู่บ้านคือที่บ้านท่าลาด ต.ศรีณรงค์ อ.ชุมพลบุรี รวมทั้งหมด 143 เชือก
ภาพจากอีจัน
ส่วนช้างที่อยู่ในการดูแลของภาครัฐทั้ง 2 แห่งในจังหวัดสุรินทร์ ให้การช่วยเหลือโดยการจัดโต๊ะจีนเลี้ยงอาหารช้าง พร้อมกับส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ซึ่งไม่ได้มอบเงินช่วยเหลือ 5 พันบาท เนื่องจากมีเงินเดือนจากภาครัฐดูแลอยู่แล้วจำนวน 270 เชือก
ภาพจากอีจัน
พี่ท็อปบอกกับอีจัน ว่าก่อนหน้านี้ได้เข้าไปช่วยเหลือปางช้างจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นช้างและควาญช้าง จึงคิดว่าขนาดปางช้างของจังหวัดพระนครศรีอยุธยายังได้รับผลกระทบ ช้างจังหวัดอื่นๆก็คงจะไม่รอดจากวิกฤตโควิดเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปช่วยเหลือมาหลายพื้นที่ เช่นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดกาญจนบุรี พัทยาจังหวัดชลบุรี และเดินทางมาต่อที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อกระจายความช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด ช้างหรอก ว่าโควิดมีผลกระทบยังไง แต่เราต้องช่วยเหลือให้เขามีชีวิตรอด และอยากเป็นกำลังใจให้กับควาญช้างทุกคนให้สู้ต่อไป ซึ่งก็ยังไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าโควิดจะหมดไปจากโลกนี้เมื่อไหร่ แต่เชื่อว่าถ้าคนไทยสามัคคีและรู้จักการแบ่งปัน ไม่ว่าจะมีวิกฤตอะไรเราจะผ่านมันไปได้ด้วยดี พี่ท็อป บอกอีกว่า โครงการนี้เริ่มต้นจากเงินส่วนตัวของตัวเองจำนวน 1 ล้านบาท และมีคุณเอกพันธ์ สมทบมาอีก 1 ล้านบาท จากนั้นก็มีประชาชนร่วมสมทบทุนเข้ามาจนทำให้มีเงินกว่า 7 ล้านบาท ในการช่วยเหลือสัตว์ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือลิง จังหวัดลพบุรี เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวไปให้อาหารหลังจากที่มีโควิด -19 และฟาร์มม้าที่จังหวัดกาญจนบุรี ก็ได้รับผลกระทบเช่นกันจึงให้ความช่วยเหลือด้วย
ภาพจากอีจัน
ด้าน พี่ไทด์ บอกว่า การเป็นผู้ให้มีความสุขมากกว่าการเป็นผู้รับ เลยอยากปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนรู้จักการเป็นผู้ให้ แต่ก่อนที่จะเป็นผู้ให้ได้นั้นเราต้องเคยเป็นผู้รับมาก่อน เช่นผมทั้ง 2 คน ก็เคยเป็นผู้รับมาก่อนเมื่อมีโอกาสสามารถให้ได้ ถึงวันที่เราแข็งแรงวันนี้เราจึงเป็นผู้ให้กลับคืนสู่สังคม ลองมาเป็นผู้ให้ดูนะแล้วจะรู้ว่ามันมีความสุขมากกว่าการเป็นผู้รับยังไง
ภาพจากอีจัน
สำหรับภารกิจในวันพรุ่งนี้ ( 17 กรกฎาคม 63 ) ทีมงานจะลงพื้นที่ศูนย์คชศึกษา จ.สุรินทร์ เพื่อเลี้ยงอาหารช้างและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ช้าง และเตรียมสำรวจช้างในพื้นที่ภาคเหนือเพื่อเตรียมให้ความช่วยเหลือต่อไป