นายกฯเจ๊ะบิลัง แจงไม่ได้ตั้งค่าหัวฉลาม เป็นการสื่อสารคลาดเคลื่อน

หลังจากที่เป็นกระแสฮือฮาบนโลกโซเชียล หลัง ด.ช.วัย 12 ปี ถูกปลาปลาปริศนากัดที่เท้า ในคลองน้ำเค็มบ้านเจ๊ะบิลัง เป็นแผลฉกรรจ์ต้องเย็บถึง 50 เข็ม ซึ่งแพทย์และกัดโดยศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล จ.สตูล ยืนยันภายหลังว่าแผลดังกล่าวเป็นบาดแผลลอยฟันฉลามจริง

ต่อมามีกระแสข่าวออกมาว่า นายมะหมัดนีซัม บิลังโหลด นายกเทศมนตรีตำบลเจ๊ะบิลัง ตั้งค่าหัวล่าปลาฉลามเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท หากชาวบ้านคนไหนสามารถวางอวนจับมาได้ และหากพบว่าไม่ใช่สัตว์สงวนจะมอบให้ชาวบ้านทันที
จนเกิดดราม่าขึ้นหลัง ผศ. ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักสิ่งแวดล้อม ออกมาโพสต์ถึงกรณีดังกล่าวว่าหากเป็นความจริงก็คงไม่สมควรนัก พร้อมกับบอกว่าอย่าไปตามล่าฉลามเลย ที่ผ่านมามีเหตุฉลามกัดคนนานๆ ครั้ง เกิดที่ภูเก็ต, หัวหิน ,พังงา ก็ไม่ได้มีการตามล่ากัน คนในพื้นที่เข้าใจและระวัง จากนั้นก็ไม่มีกรณีแบบนั้นในพื้นที่อีกเลย ทราบดีว่าคนสตูลรักทะเล มีเครือข่ายช่วยกันมาตลอด อยากฝากว่าช่วยกันอธิบายให้ชัดเจน ฉลามเป็นส่วนหนึ่งของทะเล เป็นดัชนีชี้วัดระบบนิเวศ ทะเลสตูลจะเป็นสุดยอดทะเลไม่ได้หากปราศจากฉลาม พร้อมกับแนะทางออกว่าลองพูดคุยกันและหาทางออกร่วมกัน และเจ้าหน้าที่กรมทะเลในพื้นที่อาจช่วยอธิบายเพื่อความเข้าใจ

ซึ่งล่าสุดวานนี้ 31 พ.ค.2563 เพจเฟซบุ๊ก ทต.เจ๊ะบิลัง จังหวัดสตูลออกมาชี้แจงแล้วว่า กระแสข่าวที่ออกไปเกี่ยวกับการตั้งค่าหัวนั้นเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน เบื้องต้นทางเทศบาลชี้แจงว่า นายกเทศมนตรีตำบลเจ๊ะบิลัง ไม่ได้มีเจตนาตั้งค่าหัวล่าปลาฉลาม 1,000 บาทตามที่สื่อแต่ละสำนักนำเสนอแต่อย่างใด เพียงแต่ระบุว่า ‘ใครพบเห็นกรณีปลาฉลามกัดและมีหลักฐานยืนยันที่แน่ชัด สามารถแจ้งนายกเทศมนตรีเพื่อรับรางวัลได้’ เนื่องจากในพื้นที่คลองเจ๊ะบิลังตั้งแต่ในอดีต ไม่เคยมีประวัติของปลาฉลามเข้ามาในคลอง มีเพียงแต่ปลากระพงและปลาตาตังที่จะชอบกระโดดงับเหยื่อเท่านั้น
และเพื่อหาพยานหลักฐาน ในการหาข้อเท็จจริงกรณีเด็กในพื้นที่โดนปลาฉลามกัด ท่านนายกเทศมนตรีจึงตั้งรางวัลสำหรับผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์และมีหลักฐานยืนยันแน่ชัด เพื่อจะได้ดำเนินการแก้ไข ป้องกัน และรักษาความปลอดภัยแก่ชาวบ้านในพื้นที่ต่อไป

ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย ขอความร่วมมือชาวบ้านและเด็กๆ ในพื้นที่ งดเล่นน้ำในคลองเจ๊ะบิลังชั่วคราว