แอมเนสตี้ ออกแถลงการณ์ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต้องไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน

แถลงการณ์แอมเนสตี้หลัง ครม.เห็นชอบ ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินถึง 30 มิ.ย. 63


วันที่ 27 พ.ค.63 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์หลังคณะรัฐมนตรีเห็นชอบขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน จนถึง 30 มิ.ย.63

ภาพจากอีจัน
โดยในแถลงการณ์มีเนื้อหาบางส่วนว่า ขอให้ทางการไทยรับประกันว่า มาตรการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 ต้องไม่ถูกใช้เพื่อละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน การจำกัดการใช้สิทธิที่จะเกิดขึ้นต้องเป็นไปอย่างได้สัดส่วนและจำเป็น ต้องคุ้มครองสิทธิของกลุ่มคนชายขอบ ยกเลิกการดำเนินคดีกับบุคคลที่ใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกอย่างสงบ ยุติการกักตัวผู้ลี้ภัยและผู้เข้าเมืองโดยพลการ และย้ำว่าแม้การจำกัดสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบเป็นสิ่งที่กระทำได้ เมื่อจำเป็นและได้สัดส่วนเพื่อคุ้มครองการสาธารณสุข แต่ผู้ที่ถูกดำเนินคดีเนื่องจากการชุมนุมที่เป็นการละเมิดมาตรการรักษาระยะห่างทางกายภาพ จะต้องไม่ถูกลงโทษด้วยการจำคุก ในระหว่างที่รัฐบาลไทยทบทวนมาตรการฉุกเฉินที่จะนำมาใช้รับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 หลังมีการล็อคดาวน์มานานสองเดือน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลขอให้ทางการไทยรับประกันว่า การจำกัดการใช้สิทธิที่จะเกิดขึ้น ต้องเป็นไปอย่างได้สัดส่วนและจำเป็น นอกจากนั้นยังเรียกร้องทางการให้มีมาตรการเพื่อคุ้มครองสิทธิของกลุ่มคนชายขอบ ที่มีความเสี่ยงมากกว่ากลุ่มอื่น เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถปกป้องตนเองได้ในช่วงการระบาดของโรค ต้องเผชิญกับอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลและการเข้าถึงการดูแลและบริการด้านสุขภาพที่เพียงพอ หรือขาดศักยภาพที่จะปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ของรัฐ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังขอให้ทางการไทยยกเลิกการดำเนินคดีกับบุคคล ซึ่งถูกลงโทษเพียงเพราะใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออก ยุติการกักตัวผู้ลี้ภัยและผู้เข้าเมืองโดยพลการ และงดเว้นการใช้มาตรการจำกัดสิทธิโดยพุ่งเป้าไปที่เป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐ ทั้งยังมีการลงโทษด้วยแรงจูงใจทางเมืองที่ไม่ได้สัดส่วน แม้การจำกัดสิทธิในเสรีภาพการชุมนุมอย่างสงบเป็นสิ่งที่กระทำได้ เมื่อจำเป็นและได้สัดส่วนเพื่อคุ้มครองการสาธารณสุข แต่ผู้ที่ถูกดำเนินคดีเนื่องจากการชุมนุมที่เป็นการละเมิดมาตรการรักษาระยะห่างทางกายภาพ จะต้องไม่ถูกลงโทษด้วยการจำคุก
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน